ญี่ปุ่น
ท่องเที่ยว
Diray
travel 2014
travel diary
ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยพาเราไปล้างใจให้ชุ่มฉ่ำ ที่ มิตาเกะ ณ โตเกียว
13.1.59
เข้าสู่วันเที่ยววันสุดท้ายของทริปนี้
พรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องกลับบ้านแต่เช้า การนอนในสภาพที่อากาศข้างนอกหนาว แล้วเปิดฮีตเตอร์ในห้องมันสุขสบายขนาดหนักจริงๆ (พูดแบบนี้บ่อยและ) หรือว่าเมื่อวานพวกเราเหนื่อยมากเกินไป จึงทำให้ไม่อยากจะลุกเลย !! วันนี้บัดดี้จะเป็นไกด์พาเข้าป่าที่ญี่ปุ่น
ถึงจะง่วงแต่ก็รู้สึกดี๊ด๊าอยู่เหมือนกนก็เพราะจะได้ไปเห็นใบไม้เปลี่ยนครั้งแรกล่ะ
โอคุตามะ (奥多摩) เคยได้ยินมาว่าเป็น “ชนบทของโตเกียว” ก็น่าจะหมายถึงว่า ก็เป็นโตเกียวแหละ แต่แบบไม่ใช่แถบเมือง
ถ้าไปถามคนญี่ปุ่นว่ารู้จักมั้ย (ถามนาย) นายจะบอกว่า “ โอคุตะมะหรอ รู้จักสิ บ้านน๊อกบ้านนอก” จริงๆโอคุตามะมีชื่อเสียงเรื่อง การเดินป่า
เดินชมธรรมชาติ และจะเห็นได้เลยว่า
ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การชมใบไม้แดง ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้วล่ะก็
โอคุตามะจะเป็นที่นิยมอันดับต้นๆเลย ที่สำคัญอยู่ใกล้เมืองหลวงโตเกียว
เดินทางไปง่ายมาก !!โอคุตามะ (奥多摩) เคยได้ยินมาว่าเป็น “ชนบทของโตเกียว” ก็น่าจะหมายถึงว่า ก็เป็นโตเกียวแหละ แต่แบบไม่ใช่แถบเมือง
โอคุตามะ ตั้งอยู่ในเขต Chichibu Tama Kai National Park อยู่บริเวณปลายสุดของ โตเกียวทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 225.63 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกแบ่งแยกออกจากกันโดยภูเขาหลายๆ ลูกที่เรียงรายโดยรอบ และมีแม่น้ำทามะที่ไหลเข้าสู่กลางเมือง โดยโอคุตามะจะแบ่งเป็น 3 โซนใหญ่ๆ
①MIZUGAWA,HATO NO SU area โซนที่อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ มีหุบเขาและแม่น้ำ เป็นโซนที่สามารถเดินเล่นสัมผัสหุบเขา แม่น้ำ รวมไปถึงหมู่บ้านในหุบเขาได้ นอกจากนี้ก็ยังสามารถสนุกกับการตั้งแคมป์ ตกปลาได้อีกด้วย
②OKUTAMA KO area โซนทะเลสาปโอคุตามะเป็นโซนเขื่อนทะเลสาบโอคุตามะ มีทะเลสาบและอาคารก่อสร้างที่แสดงประวัติศาสตร์ของโอคุตามะด้วย โดยส่วนตัวยังไม่เคยเข้าไปถึงตรงส่วนนี้
③NIPPARA area โซนภูเขาและถ้ำ เป็นโซนที่มีถ้ำหินปูน นอกจากนี้ก็ยังมี พิพิธภัณฑ์ต่างๆไม่ว่าจะพิพิธภัณฑ์ป่าไม้ หรือหอศิลป์
หากใครมาเที่ยวแค่บริเวณโตเกียว แล้วอยากสัมผัสบรรยาศแบบโลคอล ท้องถิ่น
หรือจะเรียกว่าชนบท บ้านนอกก็ว่าไป แถวๆโอคุตามะเนี่ยน่าจะทำให้ประทับใจได้แน่ๆ คนก็ไม่ค่อยเยอะ นักท่องเที่ยวต่างชาติยังน้อย
และเนื่องจากเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จึงทำให้ไม่ต้องไปแย่งวิว
แย่งพื้นที่ใครเท่าไร ถ้าเทียบกับสถานที่ท่องเที่ยวดังๆอย่าง ฮาโกเนะ
ที่จะมีขั้นตอนที่ต้องทำให้เราไปรวมตัวกันอยู่ทีเดียวทีละมากๆ (แย่งวิวกัน)
การเดินทางวันนี้บัดดี้เป็นคนพาไป แต่เราเองเดินทางมาโอคุตามะเองได้อยู่ เพราะว่าเมื่อเกือบสามเดือนก่อนตอนที่มาทำงานที่ญี่ปุ่น
ก่อนใกล้กลับไทยได้มาเที่ยวชมงานแสดงดอกไม้ไฟที่จัดขึ้นที่โอเมะ ตอนนั้นได้เข้าไปนั่งดูในโรงเรียนประถมตรงสถานีโอเมะ
บรรยากาศดีมาก มาแล้วตกใจมากๆไม่คิดว่าที่นี่คือโตเกียวเลยแหละ
บรรยากาศมันแนวเรโทรสุดๆ จากสถานี Shinjuku ถึง Tachigawa ด้วยเวลาเพียง 25 นาที พวกเราก็เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งทันที ข้างล่างนี้จะเป็นรูปที่เคยถ่ายไว้ตอนประมาณเดือน
7
เพลินกับวิว
2 ข้างทางมากๆ ด้านซ้ายจะเห็นภูเขาเยอะกว่า
เพราะด้านขวาเป็นฝั่งบ้านเรือน
|
ขามาบนรถไฟคนน้อยมากๆนะ
เลือกที่นั่งได้ตามใจเลย แต่ความจริงก็คือ เราไม่ได้นั่ง holiday
KAISOKU Okutama
ตามแพลนที่ตั้งไว้จนสุดสาย เนื่องจากบัดดี้ท้องเสีย จึงทำให้พวกเราต้องออกจากขบวนรถไฟเพื่อไปทำธุระ
แล้วเราก็นั่งรถไฟแบบปกติไปเที่ยวโอคุตามะแทน
วิวภูเขา
ลำธาร ใบใม้เปลี่ยนสี เป็นอะไรที่อลังการมากๆ จนคิดว่า 3 เดือนที่เคยมาอยู่นี่ทำไมไม่รู้จักมาเที่ยวเนี่ย
มัวแต่ไปแถบชิสุโอกะ ไปวิ่งหาวิวฟูจิซังเสียอย่างเดียวเลย
ร้านเปิด
9 โมงเช้า พวกเรามาถึงก่อนเวลาประมาณ เกือบ2ชั่วโมง
ก็เลยพากันไปเดินเล่นกินลมชมวิวกันก่อนด้วยคอร์สศึกษาธรรมชาติสั้นๆ ประมาณ 45 นาที~ บริเวณใกล้ๆสถานีรถไฟนั่นแหละ วันนี้ถือว่าอากาศเย็นมากๆ
ถ้าเทียบกับชิโมดะเมื่อวาน ทั้งๆที่ลมเบากว่า อาจจะเป็นเพราะเรากำลังอยู่กันกลางภูเขาโอคุตามะนั่นเอง
ออกจากสถานีปุ๊บบัดดี้พามุ่งไปยังสะพาน Kitahikawa (北氷川橋) เพื่อจะไปถ่ายรูปวิวจากบนสะพานข้ามแม่น้ำ Nippara ที่แทบไม่มีน้ำเลย ถ้ามีน้ำเยอะจะสวยมั้ยนะ
?? อยากมาเห็นจัง
ไม่ค่อยมีน้ำเลย
|
จากนั้นก็พากันไปสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด เราลงไปเล่นน้ำด้านล่าง ทางเดินลงไปเพลิดเพลินมาก
เราต้องเดินผ่านบ้านเรือนที่ตั้งเป็นเนินยาวๆ
ตอนเดินไม่มีคนเลย มาโอคุตามะไม่ค่อยเจอคนเลย หรือเขาไปเดินเล่นแถวๆเขื่อนกันหมดนะ
กำลังซ่อมแซมสะพานกันอยู่ ต้องเดินระวังๆกันนิ๊ดนึง
|
พึ่งเคยเห็นใบไม้แดง ใบเมเปิ้ลแบบนี้ครั้งแรก
|
บัดดี้ก็นั่งเช็ครูปที่ถ่ายโดยกล้องของเจ้าตัวไป (สะพานที่พึ่งเดินเมื่อกี้อยู่ด้านหลัง )
|
ลงมาฟังเสียงน้ำไหลด้านล่าง
เอามือสัมผัสน้ำ น้ำเย็นมากๆ มีใบไม้ปลิวร่วงหล่นเวลาลมพัดให้ไหลตามแม่น้ำไป ช่วงเวลานั้นนึกออกได้หลายเพลงเลย เพลงที่เคยฟังสมัยเรียนภาษาญี่ปุ่นใหม่ๆ
วันนี้พวกเราไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไร
เพราะคุยกันทีไรก็จะเข้าเรื่องงานทุกที
นี่เป็นข้อเสียของการที่พี่น้องทำงานในบริษัทเดียวกัน พวกเราก็เลยแยกกันเล่นแยกกันถ่ายรูปแทนที่จะมานั่งคุยกัน
ใบเมเปิ้ลบางใบถึงจะร่วงลงมาแล้วก็ไม่สามารถไหลไปตามน้ำได้ก็ต้องช่วยกัน
|
เพลิดเพลินได้ครู่ใหญ่
บัดดี้ก็พาไปศาลเจ้าโอคุฮิคาวะ (奥氷川神社) ที่อยู่บริเวณเดียวกัน โดยเดินจากจุดสะพานคิตะฮิคาวะฮาชิ
ไปยังบริเวณศาลเจ้านั้นจะเดินไปที่สะพานแขวนอีกแห่งหนึ่ง สะพานแขวนนั้นชื่อว่า
ฮิคาวาโอฮาชิ (氷川大橋) ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เกรงว่าเทพจะไม่สามารถฟังภาษาญี่ปุ่นที่อ่อนหัดของหนูเมได้
ก็เลยเข้ามาถ่ายรูปเฉยๆ
|
สะพานฮิคาวาโอฮาชินั้นเป็นสะพานที่มีสีขาว สำหรับข้ามแม่น้ำที่เป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำโอคุตามะกับแม่น้ำนิปปะระ เป็นสะพานคอนกรีตดีไซน์โค้งมองจากข้างล่างจะสวยมากแปลกตาดี เดินเล่นกันได้แป๊บเดียว
ก็เริ่มรับรู้แล้วว่าตัวเองเริ่มหนาว จึงพากันเดินข้ามสะพานฮิคาวะโอฮาชิไปซื้อถุงเท้าเพื่อบรรเทาความหนาว
เราใส่คู่บางๆมาก็เลยไม่ค่อยช่วยบรรเทาอะไร บัดดี้ก็ซื้อเสื้อหนาวไปตัว เธอเห็นแล้วเธอก็อยากได้
ร้านเสื้อกันหนาวเป็นร้านเล็กๆพื้นบ้าน
คุณป้าใจดีมากๆให้พวกเราเข้าไปนั่งผิงเตาในร้านด้วย
มองย้อนกลับไปเห็นวิวที่สบายตามากๆ
อยากมาอยู่แถวๆนี้เสียจริงๆ
|
หลังจากซื้อถุงเท้าและเสื้อกันหนาวเรียบร้อยแล้ว
ก็คิดว่าใกล้ถึงเวลาร้านอาหารเปิดแล้ว
ก็เลยพากันเดินแวะไปถ่ายรูปบ้านที่อยู่เรียบแม่น้ำนิดหน่อย
แล้วพากันไปร้านอาหาร แต่พอไปถึงก็ยังไม่เปิดซะงั้น
แต่พวกเราก็นั่งรถจนร้านเปิด แล้วพี่ใหม่ก็ได้กินสมใจ
พวกเราสั่งคล้ายๆข้าวหน้าสเต๊กมากินกัน (แต่เหมือนหมูทอดมากกว่านะ)
จากนั้นก็ไปมิตาเกะ
…ไม่สิจุดมุ่งหมายเราคือ
สถานีมิตาเกะ แต่เราจะเดินไปเรื่อยๆจากสถานี Ikusabata บริเวณเขต Chichibu Tama Kai National Park นั้นกว้างขวางมาก
มีเส้นทางเดินป่าที่เราสามารถเลือกเดินได้หลากหลาย เราจะเดินจากมิตาเกะ ไป
โอคุตามะก็ได้ หรือจะเดินจาก Ikusabata
ไป
Mitake โดยผ่านภูเขา
Takamizu และภูเขา Iwatakeishi
ก็ได้
ใหม่เลือกให้เดินจาก
Ikusabata ไป มิตาเกะ เดินเส้น Mitake Valley riverside ด้วยเหตุผลที่ว่า ที่มิตาเกะมีร้านสะดวกซื้อ
อยากที่จะเดินเหนื่อยๆ แล้วถึงจุดมุ่งหมายในตอนเย็นก็หาอะไรกินเลย (Ikusabata ไม่มีอะไรเลย)
ตัวสถานีจริงๆ |
สถานีรถไฟ
Ikusabata
ทำให้เราอึ้งมาก เป็นสถานีรถไฟที่เล็กมากๆ ไม่มีคนคุมเลย
มิหนำซ้ำก็ไม่มีอะไรกั้นสำหรับเดินผ่านช่องแสดงตั๋วอีกต่างหาก หลังจากออกจากสถานีมา
เราจะเห็นบรรยากาศตรงนี้ที่กว้างขวางมากๆ
เราไม่เคยมาญี่ปุ่นแล้วได้สัมผัสหรือใกล้ชิดบรรยากาศที่ดูบ้านๆ
ขนาดนี้มาก่อนเลย ปกติเราจะเสียเวลากับการนั่งอยู่บนรถไฟมองวิวมากกว่า
ตอนที่กำลังเดินเพื่อจะเข้าไปยังเส้นทาง
Mitake Valley riverside อากาศค่อนข้างอึมครึมจนน่ากลัวว่าฝนจะตก อากาศก็เย็น ไม่ทันได้นึกถึงเรื่องการเช็คสภาพอากาศก่อนออกจากบ้านเลย
ถ้าฝนตกระหว่างที่เดินจะเป็นยังไงเนี่ย ถึงจะคิดกล้าๆกลัวๆนิดหน่อยแต่เลือกที่จะเดินต่อไปจะดีกว่า
เส้นทางเราจะเดินเลียบแม่น้ำทามะกันเลย (จุดเริ่มต้นอยู่ทางขวามือ) |
ตกใจมากที่เห็นพริกที่ญี่ปุ่น
ไม่คิดเลยว่าคนญี่ปุ่นจะกล้ากิน
|
บ้านหลังนี้วิวดีนะคะ มองไปข้างหน้ามีแต่ต้นไม้
|
เดินมาถึงทางเข้าไม่ยากเย็นนัก
เดินตามทางมาเรื่อยๆ มีป้ายบอกทางตลอด ถ้าไม่มั่นใจก็ตามคนอื่นได้เรื่อย
|
มีนักท่องเที่ยวพายเรือแคนนูผ่านตลอดเลย
รู้สึกสดชื่นแทน เอ๊ะ อาจจะเป็นหนาวแทน !! เราไม่ได้เดินไปเรื่อยๆเลย เราเดินแบบแวะเรื่อยๆ
ถึงทางเดินจะเลียบแม่น้ำแต่เส้นทางที่เขาทำไว้ให้เดินก็อยู่ห่างจากแม่น้ำพอสมควร
บางทีพวกเราเห็นจุดที่น่าเข้าไปปีนป่ายเล่น เราก็ต้องฝ่าดงดอกหญ้าเข้าไปไกลอยู่อยู่เหมือนกัน
มีบางทีก็นึกถึง งู ตะขาบ แมงป่องขึ้นมา เวลาเดินเข้าไปก็เสียวไส้ทุกที
พวกเราอิ่มเอมใจเหมือนเด็กๆ
สนุกที่ได้เดิน ได้ปีนป่ายก้อนหิน บางก้อนใหญ่จนทำให้ต้องปีนไปนอนเล่น
นั่งมองน้ำไหล แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสัตว์เลื้อยคลายหรือแมงต่างๆที่กลัว
เวลาเข้าไปในสถานที่ๆมีน้ำ มีหิน มักทำให้นึกถึงตอนไปค่ายปลูกป่าที่เขาเขียว
จังหวัดกาญจบุรี ตอนที่ทุกคนกำลังยกหินสร้างฝายกันอยู่นั้น
น้องชมวงก็โดนแมงป่องตัวเล็กๆต่อย ตอนที่น้องร้องเจ็บน้องไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นแมงป่อง
แต่เราที่ยืนอยู่กับน้อง ดันเห็นมองป่องตัวนั้น ทันใดนั้นเราก็ตัวชาขาอ่อนทันทีเลย
ไม่สามารถสร้างฝายต่อได้ ต้องไปพักกับน้องเขา
ที่เป็นแบบนี้เพราะผลจากที่มักจะโดนแมลงต่อยบ่อยๆตั้งแต่เด็กหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
เดินไปเรื่อยๆ
รู้สึกว่าใกล้สถานีมิตาเกะแล้ว เพราะคนเริ่มเยอะขึ้น และมีตู้กดน้ำแล้ว (ดีใจมากๆเพราะหิวกาแฟสุดๆ) แต่ก่อนถึงมิตาเกะจะเจอจุดพักที่วิวดีมากๆ มีต้นใบไม้แดงที่สีแดงแปร๊ดอยู่ และสามารถมองเห็นสะพานแขวนได้ หิวมากแต่คนเยอะมากๆ ก็เลยหากาแฟไปนั่งกินโต๊ะม้าหินมองวิวจุดอื่นแทน
ชื่อสะพานอะไรนะ จำไม่ได้ |
ตอนนี้เราเริ่มเข้ามาบริเวณที่เริ่มมีบ้านคนแล้ว
มีการนำผักออกมาวางขายด้วยนะ แต่ไม่มีคนขาย ใครอยากซื้อก็วางเงินไว้เลย ไว้ใจกันสุดๆ
เมื่อเดินมาถึงจุดนึง ก็รู้สึกอิจฉาชาวบ้านแถวนี้มากๆ
บางทีอาจจะรู้สึกรำคาญที่มีคนเดินผ่านหน้าบ้านทุกวัน แต่วิวที่ตั้งอยู่ริมทางเดิน
หรือริมฝั่งแม่น้ำทามะนั่นมันวิเศษมากๆ
เรารู้สึกอยากตื่นมามองวิวนี้ทุกวันเสียจริงๆ
ใบไม้แดงต้นนี้ใหญ่มากๆ
ความจริงคนถ่ายรูปเยอะมากๆ พยายามหลบสุดๆ
|
คนเยอะขึ้นบรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้น
เห็นนักท่องเที่ยวพายเรือแคนนูนเพิ่มขึ้น
แต่รู้สึกว่าน้ำจะไหลเร็วกว่าทางที่เดินผ่านมา
เดินกันไปมาเหลือบไปเห็นคนกำลังทำอะไรสักอย่างบริเวณโขดเห็นริมแม่น้ำ
ก็เลยปีนแวะขึ้นไปดู เห็นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นกำลังขัดหินอยู่
รู้สึกแปลกใจมาว่าขัดกันทำไม มีผงชอล์กอีก ในใจก็คิดไปต่างๆนาๆบ้างว่า
คิดว่าเขากลัวคนลื่นหรือเปล่านะถ้าเดินมาบริเวณนี้ คิดแล้วก็ตลกตัวเอง
ความจริงก็คือ หนุ่มๆสาวๆกำลังเตรียมพื้นที่สำหรับปีนหินหรือโขดหิน Bouldering เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ฮิตกันน่าดูเลย
Bouldering จะเป็นการปีนหน้าผา
หรือหินที่ไม่สูงมาก ใช้มือและเท้าล้วนๆ ไม่ใช้เชือกช่วยป้องกันตก
จะใช้เป็นเบาะแทน
|
นั่งมองเขาเล่นจากอีกฝั่ง
|
นั่งดูสบายใจเลยนะคะ |
ถึงสถานีรถไฟมิตาเกะแบบงงๆมาก
ยังรู้สึกอยากไปต่อ มีบางจุดที่สวยมากอยากยืนถ่ายรูปนานๆ
วิวใต้สะพานโค้งที่มีดอกไม้เลื้อยพันสะพานอยู่ น่าเสียดายเล็กน้อยถึงปานกลาง ที่สถานีมิตาเกะคนเยอะมากจริงๆ หิวแต่ไม่สามารถหาอะไรท้องได้ คนที่สถานีรถไฟก็เยอะมากๆ
ต้องกลับไปกินในโตเกียว
จริงๆต้องรีบกลับจิบะเพื่อไปตีแบตมินตันต่อ แต่ว่าเราอยากไปเดินเที่ยวต่อที่อิเคะบุคุโระ ตั้งใจว่าจะไปดูอุปกรณ์เล่นเวคบอร์ดที่ขายที่นั่นใหม่เคยไปมาแล้ว ก็เลยอยากไปบ้าง พวกเราก็หาอะไรกินกันที่แมคโดนัลล์เจแปนในอิเคะบุคุโระนั่นแหละ วันนั้นเราไม่ได้ซื้ออุปกรณ์สำหรับเล่นเวคบอร์ด แต่พวกเราดันไปได้สมุดภาพปลาทะเลมา โอ้โห้ คิดแล้วก็คิด ว่าอุตสาห์ห่อหนังสือปลาทะเลกลับมา (แม้แต่ตอนนี้ก็ยังเปิดไม่ครบสิบครั้งเลย)
การตีแบตวันนี้ เป็นสิ่งที่ยากลำบากมาก อาการเจ็บข้อเท้าที่ได้จากการเดินป่าทำให้วิ่งแทบไม่ได้ แถมอากาศในโรงยิมยังหนาวมาก เราเคยมาเล่นที่นี่ช่วงหน้าร้อนเล่นแล้วแรงดีมากๆเหงื่อท่วมตัวสุดๆ ได้เล่นกับคู่แข่งที่ไม่ได้เจอกัน 3 เดือน คู่แข่งพัฒนาไปไกลมากๆ รู้สึกยอมแพ้จริงๆ (แต่เราไม่ได้เล่นมาตั้ง 3 เดือนแล้ว)
จบการเดินทางของวันนี้
และของทริปนี้ พรุ่งนี้เราต้องกลับบ้านแล้วขึ้น 9 โมงเช้า ซึ่งความจริงเราไม่ได้กลับตามแพลน
เพราะเราตกเครื่องบิน … ก็บอกแล้วว่าอากาศมันเย็นมาก
แถมฝนตกอีกต่างหาก ทำให้เราก้าวเท้าช้ากว่าปกติ ฮ่าๆ ทริปเดินเรื่อยเปื่อยนี้
ก็ยังเรื่อยเปื่อยจนต้องตกเครื่องนี่แหละ ถือว่าได้รับประสบการณ์ที่ดีมาก
มันทำให้เรารู้คุณค่าของเวลา แม้แต่ไม่ใช่นาที แต่รู้ค่าถึงเสี้ยววินาทีเลย
อากาศในวันตกเครื่อง
อึมครึมฝนตกทั้งวัน เดินกลับหอของใหม่ที่จิบะอย่างเหงาๆ แถมนั่งรอที่หน้าหอพักตั้งแต่ บ่ายๆ ยัน 2 ทุ่ม
|
อากาศในวันตกเครื่อง
อึมครึมฝนตกทั้งวันเดินกลับหอของใหม่ที่จิบะอย่างเหงาๆ
หวังว่าจะได้กลับไปชิโมดะอีกครั้ง
หวังว่าจะได้กลับไปโอคุตามะอีกครั้ง
หวังว่าจะได้กลับไปเล่นแบตกับพี่ๆอีกครั้ง
ความทรงจำเมื่อวันที่ 23/11/2556
ฤดูใบไม้ร่วง ณ โอคุตามะ ประเทศญี่ปุ่น
by Mei
0 ความคิดเห็น