ดำน้ำ
ท่องเที่ยว
ทะเล
บันทึกดำน้ำ
life stlye
sea
thailand
travel diary
เรียนดำน้ำ ณ เกาะเต่า เข้าใจคำว่าเอาเงินไปละลายน้ำแล้วค่ะ !! ตอนที่ 1
19.1.59
ต้องย้อนวันเวลาไปนานพอสมควร
สำหรับการดำน้ำลึกครั้งแรก ที่ไม่รู้คิดยังไงถึงได้ไปเรียนดำน้ำ
ทั้งๆที่ก็ว่ายน้ำไม่เป็น ชอบดูปลาแต่ก็กลัวปลาตอด
ในเวลาปกติแม้แต่ให้ไปนวดที่สปาปลาก็ยังไม่กล้าเลย
scuba diving การดำน้ำ SCUBA (Self Contained Underwater Breathing
Apparatus) คือ
การดำน้ำลึก โดยใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ ที่ติดกับตัวนักดำน้ำ ทำให้สามารถดำน้ำได้
โดยอิสระ และเคลื่อนที่ไปมาใต้น้ำได้ โดยไม่ติดกับสายอากาศ ที่เครื่องอัดอากาศบนผิวน้ำ
สำหรับใครที่ชอบดูปลา
อยากไปว่ายน้ำกับพี่ฉลามวาฬ ไปเยี่่ยมบ้านปลานีโม ชอบโลกสีฟ้าใต้ทะเล การดำน้ำชนิดนี้ถือเป็นตัวช่วยให้เพลิดเพลินที่สุด
ถ้าเทียบกับดำน้ำตื้นที่ต้องลอยเหนือคลื่น ดำน้ำลึกจะสบายกว่ามากๆ
สิ่งที่น่าหลงไหลในการดำน้ำลึกนั้นสำหรับเรา คือ โลกที่ต่างจากที่เคยเห็น...
และน้อยคนก็มีโอกาสจะได้เห็น ความท้าท้าย
...แน่นอนว่าเป็นกีฬาที่ท้าทายและมีความเสี่ยงมาก แต่ทุกครั้งที่ดำน้ำ
มันทำให้เราฝึกการควบคุมสติ ฝึกลมหายใจ บางทีก็คิดว่า ใน1ครั้งที่จบไป
เราเป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นเลยเชียว
หลังจากที่ตัดสินใจ
จะไปเผชิญกับโลกใหม่กันแล้ว ก็พากันหาสถานที่่เรียนดำน้ำ
ซึ่งการดำน้ำลึกจะลงไปดำดุ่ยๆไม่ได้
จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการเรียนรู้ให้ถูกต้องกันเสียก่อน คือมันอันตรายมากอะ
จริงๆ การดำน้ำทำให้มนุษย์ต้องฝืนสัญชาติญานในการหายใจ
แล้วก็ตอนที่เราลงไปข้างล่าง ก็ไม่รู้จะเจอปัญหาแบบไหน
จึงต้องเรียนเพื่อให้รู้หลัก และความเสี่ยงที่จะเจอ
โดยหลักสูตรดำน้ำที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลหลักๆมี PADI และ NAUI ซึ่งเท่าที่เห็นในประเทศไทยจะเป็น PADI เสียมากกว่า และในประเทศไทย มีที่เราสามารถไปเรียนได้หลากหลายและ ที่มีชื่อเสียงเลย ก็คือ จังหวัดทางใต้ อย่าง กระบี่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี จริงๆแม้แต่พัทยาใกล้ๆก็มีจ้า พวกเราเลือกไปเรียนที่เกาะเต่า (เป็นมหาลัยอ๊อกฟอร์ดและสวรรค์ของนักดำน้ำเลยแหละ) จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องจากอยากไปเที่ยวเกาะเต่าและหาดนางยวลด้วย
เราได้ทำการจองหลักสูตรดำน้ำ
ไว้กับ BAND
diving resort ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำอันดับต้นๆของประเทศไทย
(แบบเซิร์ชแล้วเจอเลย) การเรียนดำน้ำนั้น โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้ายิ่งเกาะเต่า
ผู้สอนจะเป็นชาวต่างชาติ (คนมาเรียน มาดำน้ำ ก็มีแต่ต่างชาติ 555)
แต่เนื่องจากภาษาอังกฤษเราก็งูๆปลาๆ ก็เลยหาโรงเรียนที่มีคนไทย แล้วที่BANDก็มี (โชคดีม๊ากกกกกกก
เจอคนไทยแค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละ 555)
DAY 1 กรุงเทพ (ข้าวสาร) เกาะเต่า กังว๊ลกังวลกับสิ่งที่จะเจอ (10 สิงหาคม 2013)
วันที่ 1 วันออกเดินทาง หลังจากเลิกงาน พวกเรานัดเจอกันที่
อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเดินทางไปข้าวสาร การเดินทางไปเกาะเต่าครั้งแรกนี้
พวกเราเลือกซื้อ แพคเกจการเดินทาง กับบริษัท ลมพระยา ซึ่งจะเป็นการนั่ง รสบัส จากกรุงเทพ
และต่อไปขึ้นเรือที่สุราษฎร์เพื่อไปเกาะเต่าของเรือลมพระยาเลย
รสบัสจะมารับที่ข้าวสาร ประมาณ 3ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาดีเลย สำหรับคนที่มีเวลาน้อย
ลางานไม่ได้ ก็ออกเดินทางซะกลางคืนหลังเลิกงาน สายๆวันต่อมา ก็ถึงเกาะเต่าแล้วจ้า
ตารางรถคร่าวๆ |
รถออกประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากที่พวกเราพากันเช็คอินที่ลมพระยาเสร็จ ...
จริงๆอยากบอกว่า
มันทรหดมากเนื่องจากพวกเราไม่รู้ว่าออฟฟิตที่ต้องไปเช็คอินอยู่ที่ไหน
ไอ้เราก็ไม่ถนัดแถวๆข้าวสาร เดินวนไปวนมานานมากๆ แถมก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว
ได้เช็คอินก็ใกล้ๆ 3 ทุ่มนั่นแหละ แต่หลังจากเช็คอิน ก็ไปนั่งรอรถ
แต่มันมีรถหลายคันมาที่มาจอดตรงที่พนักงานให้รอ
กังวลแล้วกังวลอีกว่าจะขึ้นรถถูกมั้ย !! (กว่ารถจะออกก็ช้าอยู่นา
...รู้งี้ไปหาข้าวกินดีกว่า หิว)
ท่าเรือรมพระยา ที่ทุ่งมะขาม ตอนเช้าบรรยากาศดีมากๆ |
รถทัวร์ของลมพระยาจะมาจอดที่ท่าเรือลมพระยก
ที่ทุ่งมะขามน้อย จังหวัดชุมพร เพื่อต่อรอไปเกาะเต่า ซึ่งเรือรอบที่เราไปเป็นรอบ 7 โมงเช้า (ถ้ามารถบัสรอบ 6 โมงเช้าก็จะได้นั่งเรือรอบบ่าย)
พวกเรามาถึงท่าเรือลมพระยาในตอนที่กำลังงัวเงียสุดๆ การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้ลงมาเที่ยวใต้กันจริงๆจังๆ
(ปกติไม่จริงจัง ??) รู้สึกตื่นเต้นด้วย อยู่บนรถไม่ค่อยนอน ไม่ค่อยง่วง
แต่ใกล้ถึงเท่านั้นแหละ หลับลึกเลยค่าาาาาาา พอรู้สึกว่านอนได้แป๊บบบบบเดียวเอง
ก็ต้องตื่นมาต่อแถวเพื่อรอขึ้นเรือซะแล้ว
อากาศแอบเย็นนิดหน่อย เพราะเมื่อคืนฝนตก |
DAY 2 เกาะเต่า เต่าเกาะ ชีวิตสาวชาวเกาะนั้นมันน่าหลงไหล & เจอครู และปฐมนิเทศหลักสูตร เรียนดำน้ำวันที่ 1
ใช้เวลานั่งเรือ
ประมาณ 2 ชั่วโมงไม่นานมากไปและไม่ช้ามากไป จริงๆแทบไม่รับรู้
เพราะหลังจากลงเรือได้ก็หลับเลยจ้า !! พอมาถึงเกาะเต่าพวกเราก็ตรงไปที่ออฟฟิตของ BAN'S
Resort เลย
เนื่องจากทางรีสอร์ตมีรถมารับด้วย นั่งรอแป๊บๆดูใบปลิวแนะนำเรืองดำน้ำไป
พอคนครอบก็พากันนั่งรถไปยังที่พัก พอไปถึงรีสอร์ตพวกเราก็ทำการเช็คอินที่พักและลงทะเบียนสำหรับเรียนดำน้ำ
... เย็นนี้เราจะได้เจอครูสอนดำน้ำแล้วแหละ จริงๆคือมันตื่นเต้นนะ !!
ครูจะใจดีกับพวกเรามั้ยเนี่ย!! แต่ก่อนอื่นขอไปหาไรกินก่อนนะ หิ๊วหิว เดินทางมาตั้งไกล
ตามตารางแล้ว
วันนี้พวกเราต้องเรียนภาคทฤษฎีในห้องเรียน
เป็นการพบครูและดูวีดีโอที่บรรยายเกี่ยวกับ scruba
diving ก่อนที่จะต้องลงสระน้ำเพื่อไปเรียนภาคปฎิบัติพื้นฐานในวันต่อไป
... หลังจากกินข้าวเสร็จก็ถึงเวลาพบครู
ครูสอนดำน้ำที่พวกเราต้องฝากเนื้อฝากตัวมีชื่อว่า ครูปี่ !!
ครูปี่เป็นหนุ่มชาวใต้แท้ๆ ล่ำๆหล่อๆ แต่หน้าตาดูดุสุดๆ คือ...
พวกเรานี่เกร็งกันเลยเชียว หลังจากแนะนำตัวกันเรียบร้อย
ครูก็ให้หนังสือเรียนคนละเล่ม และให้พวกเราดูวีดีโอชุดนึง
เหมือนสารคดีที่ดูที่บ้าน ซึ่งมันน่าง่วงนอนมาก ดูจนจบแล้วพวกเราก็คุยกัน
ครูปี่อธิบายเกี่ยวกับพื้นฐานต่างๆในการดำน้ำที่ควรรู้
เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยง ภาษาดำน้ำต่างๆ ศัพท์ที่ใช้เรียกการกระทำต่างๆ
ก็มีการซักถามข้อข้องใจมากมาย คือแบบ มันก็กลัว แบบจะมีฉลามมั้ย
และกังวลด้วยเพราะโดยส่วนตัวแล้วตัวเองแทบว่ายน้ำไม่ได้เลย คือว่ายได้ก็ไม่ไปไหน
อยู่กับที่ เอาง่ายๆ ลอยตัวเป็นอย่างเดียว ครูบอกว่า
มันไม่จำเป็นต้องว่ายน้ำเป็นเสียทีเดียว แต่ว่าต้องไม่กลัวน้ำ
เพราะมีบางคนว่ายน้ำไม่ได้ไม่เท่าไร แต่พอให้จมลงไปนั่งในน้ำ ก็ไม่สามารถทำได้
สุดท้ายก็เรียนไปรอด ครูก็เล่าความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นมากมายให้ฟัง
อะไรไม่ควรทำในการดำน้ำ แล้วก็เรื่องน่ากลั๊วววววววววว
น่ากลัวที่ฟังแล้วเรานี่ก็อยากเลิกเรียนเลย แต่ครูบอกว่า
การที่เรารู้และเรากลัวจะทำให้เราไม่ประมาท !! ข้อนี้เห็นด้วยเลยมากๆ
จบการเรียนการสอนวันแรกผ่านไปอย่างสบายๆ
พรุ่งนี้เรามีเรียนในสระน้ำกันช่วงเช้า ... ไอ้คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากวีดีโอ
การใช้อุปกรณ์ วิธีการต่างๆ
เราจะเริ่มเรียนกันในสระน้ำก่อนและช่วงบ่ายก็จะจะเรียนในห้องอีก
เรียนจบก็หาอะไรกินต่อเลย
มาทริปนี้ ไม่เรียน ไม่นอน ก็กิน
กินเสร็จก็เดินเล่นถ่ายรูปกันที่หาดหาดทรายรี ที่อยู่หน้าของรีสอร์ตเลย
เกาะเต่านั้นเต็มไปด้วยต่างชาติจริงๆ เฉพาะช่วงที่เราไปเรียนนั้น ก็มีคนไทยแค่เรา
2 คน ครูปี่บอกว่า ช่วงนี้ยุโรปปิดเทอม
ส่วนใหญ่ก็มาเที่ยวแถวๆเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วก็มาเรียนดำน้ำกัน
บรรยากาศในร้านอาหารที่รีสอร์ตส่วนใหญ่ที่เห็นเลยคือ ทุกคนนั่งอ่านหนังสือเรียนดำน้ำกันอย่างแข็งขันมาก (พวกเรามัวแต่ถ่ายรูปเล่น และนั่งคุยกันมากกว่า) พวกเราแบกตัวเองลงมาเที่ยวใต้ ก็เหมือนไม่ได้มาเที่ยว แค่กิน เรียน และนั่งพักผ่อนริมชายหาด (นี่แหละเรียกว่าเที่ยว)
DAY 3 ดำน้ำบุ๋งๆๆๆๆๆๆๆๆ ๆเรียนดำน้ำวันที่ 2
วันนี้พวกเรามีนัดกับคู่ปี่
หนุ่มรูปหล่อชาวใต้ (อันนี้ไม่ได้เวอร์) เรามีนัดกันแต่เช้าตรู่
ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่ากี่โมง เรามีนัดกันที่สะว่ายน้ำ จุดนัดพบของพวกเราอยู่หน้าห้องพักพอดิ๊
หลังจากที่ทักทายกันเรียบร้อย ครูก็พาไปเลือก อุปกรณ์ เลือกชุดเวทสูท
(ชุดใส่เวลาดำน้ำ) อุปกรณ์ช่วยหายใจต่างๆ ตีนกบ
หลังจากที่ทำการเตรียมอุปกรณ์เปลี่ยนชุดสำหรับลงสระแล้ว ก็เริ่มการเรียนการสอนเลย
วันนี้เราจะเน้นฝึกทักษะที่จำเป็นต้องใช้ แต่ด่านแรกก่อนที่จะทำการเรียนคือ ครูบอกให้พวกเราว่ายน้ำ ไปกลับ 7 รอบด้วยท่าว่ายน้ำไหนก็ได้ สรุปว่าต้องว่ายน้ำเป็นมั้ยเนี่ย แต่เราว่ายได้ค่ะ ด้วยท่า หมาน้อยจมน้ำ ...จะนึกออกมั้ยนะ !! และจากนั้นก็ให้ลอยตัวในน้ำ 10 นาที อันนี้สบายมาก แต่จริงๆยากกว่าว่ายท่าหมาตกน้ำอีก และจากนี้การเรียนส่วนใหญ่ของเราจะอยู่ใต้สระน้ำ !! (คือแบบสอนๆบนบก แล้วมุดลงไปนั่งทำใต้น้ำ) ก็จะมีทักษะทำนอง การหายใจใต้น้ำ, การปรับความดันโพรงอากาศในร่างกาย (เรียกสั้นๆเคลียร์หู) ,การไล่น้ำออกจากหน้ากาก, ประกอบอุปกรณ์ช่วยหายใจ,การค้นหาเครื่องช่วยหายใจ (แบบถ้ามันพัดไปอยู่ที่อื่นนอกจากข้างตัวเราจะทำไง) และภาษามือ อ้อที่สำคัญ การฝึกการใช้เครื่องช่วยหายใจของบัดดี้ (คู่ดำน้ำของเรา) และยังมีอีกเยอะ ...
ตรงส่วนนี้เป็นอะไรที่ยากมากๆ มันฝืนร่างกาย ต้องฝืนให้หายใจใต้น้ำ ลืมตาในน้ำ (ถึงแม้จะมีหน้ากาก แถมบางช๊อตต้องจำลองเหตุการณ์หน้ากากหลุด จะเก็บยังไง?) และยากที่สุดคือตอนใส่อุปกรณ์จริงทั้งหมดลงในสระ มันยากตรงที่ สระว่ายน้ำเล็ก และแถมยังมีเพื่อนนั่งเรียนกลุ่มอื่น (ที่เป็นต่างชาติ) ร่วมใช้สระด้วย ... ครูบอกว่า ตั้งใจดีๆนะ อย่าไปโดนไปชนกันเดี๋ยวโดนว่า !! หนูนี่กลัวเลยจ้า ... กระท่อนกระแท่นมากจริงๆขอบอก
จากการเรียนในสระ ครูปี่บอกว่า นึกว่าพวกเราจะไม่รอด แต่ว่าสติดีมากๆ (หนูคิดว่าครูก็ชมแบบนี้หมดแหละ) ให้ทำอะไรรอบเดียวก็ผ่านง่ายๆ (จริงง่ะ !!) หลังจากจบการเรียนการสอนในสระ ครูก็ปล่อยพวกเราไปกินข้าว และช่วงเย็นก็มีเรียนในห้องเรียนอีกรอบ ซึ่งไม่อยากลงรายละเอียดมาก ฮ่าๆ เพราะว่าจำไม่ได้แล้ว.... นั่นเอง
วันนี้เป็น 1 วันที่เหนื่อยมากกกก บอกเลย มันดูเหมือนง่าย แต่การผลุบโผล่ในน้ำ แถมแบกถังอากาศประมาณ 20 กิโลไว้เนี่ย มันหนักหนาจริงๆ หลังจากที่กินข้าวกลางวัน ก็ต้องอ่านหนังสือทบทวน แล้วก็มาเรียนต่อ พอเรียนเสร็จกินข้าว ก็ต้องอ่านหนังสือต่อ แล้วก็ต้องนอนไวๆด้วย เพราะพรุ่งนี้มีนัดแต่เช้า ... เพื่อออกทะเล เข้าใจโมเมนต์ฝรั่งนั่งอ่านหนังสือ จะจริงจังอะไร๊ขนาดนั้น (กลัวไม่ผ่านง่ะ)
พรุ่งนี้วันออกทะเลจริง ไม่รู้จะเจออะไรบ้างนะ ณ เวลานั้น ทั้งห่วงตัวเองและกลัวตัวเอง กลัวว่าจะทำไม่ได้ กลัวว่าจะไม่กล้าลงไปทะเลจริงๆ กลัวว่าลงไปแล้วจะปอดแหก กลัวเคลียร์หูไม่ได้ เพราะครูปี่ขู่ว่า มีคนไม่ผ่าน open water เพราะเคลียร์หูไม่ได้ โหยยยยยยยยยยยยครู หนูจะรอดมั้ย ??
ความทรงจำเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2557
เรียนดำน้ำที่เกาะเต่า
by Mei
|
0 ความคิดเห็น