ฉันถูกถามว่า ได้อะไรจากการไปเที่ยว ถ้าไม่เบื่อที่จะถาม ก็ไม่เบื่อที่จะตอบ

ในช่วงที่ผ่านมา วันนี้ก็ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับการไปเที่ยวจากผู้คนรอบข้างว่า "ได้อะไรจากการไปเที่ยว" ในหลายครั้งที่เราพร่ำก...

ในช่วงที่ผ่านมา วันนี้ก็ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับการไปเที่ยวจากผู้คนรอบข้างว่า "ได้อะไรจากการไปเที่ยว" ในหลายครั้งที่เราพร่ำกับพ่อแม่ หรือเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานร่วมกันว่า การออกไปข้างนอกมันได้อะไรมากมายจริงๆ ซึ่ง นั่นแหละ "แล้วมันได้อะไร" เป็นคำถามที่ตอบไม่ทันจริงๆ ... มันมีนะ บทความตามอินเตอร์เน็ตที่พูดว่า คนที่ออกไปท่องเที่ยวมักมีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากกว่าใคร !! นั่นมันจริงหรอ ??

เราก็ไม่สามารถจะเข้าใจมันได้เหมือนกันนะ ว่าอะไรที่จะทำให้คนที่ออกเดินทางประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น แน่นอนว่า ตอนนี้ตัวเราเองก็ยังไม่ประสบความสำเร็จกับอะไรด้วยซ้ำ  เราก็ไม่เห็นว่าตัวเองจะมีออร่าอะไรที่จะดีไปกว่าคนที่ไม่ได้ออกไปไหนเสียอีก
เรามานึกย้อนดูหลายครั้งมาก เราทำพลาด เราไม่ได้เตรียมตัว เราจองที่พักผิดพลาดหมด จองแต่ไม่สามารถไปนอนได้ และเราจะไม่มีที่นอน และเราไม่มีอินเตอร์เน็ต เราต้องวอร์คอินเข้าไปหาที่พัก ซึ่งเราไม่เคยทำ ไม่กี่วันต่อมา ที่สิงค์โปร์ เราเงินหมดตัว เพราะเราคำนวณเงินพลาด เราแทบจะไม่มีเงินดอลล่าเหลือ เราและพี่สาว ต้องเอาเศษเงินที่มี ไม่ว่าจะเงิน มาเลเซีย เงินเศษของไทย เงินดอลล์ที่เหลือจากเวียดนาม นำไปแลกที่ร้านเงินในไชน่าทาวน์ .... มันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะมานั่งบันทึกอะไร แต่บอกเลยว่า ถ้านอนอยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่มีทางได้เจอเรื่องพวกนี้หรอก ... ก็นั่นแหละ เราควรที่จะออกไป (และหาข้อมูลดีๆ) หรือเราควรที่จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ ซึ่งมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก
ไม่มีใครบังคับให้เราเลือกทางไหน ไม่มีใครบอกว่า เราต้องออกไปทำอะไร ในทุกๆเรื่องที่เราเจอ เราคิด เรานึกถึง และเรารู้สึกว่า เราโชคดีมากที่ได้รู้จักความรู้สึกแบบนี้ก็คือ เราเลือก

นึกถึงเวลานั่งหัวเราะเกี่ยวกับเรื่องที่ทำงาน แต่ตอนนั้นนั่งอยู่บนรถไนท์บัสของประเทศหนึ่ง ซึ่งจริงๆแล้ว การออกไปที่ไหนสักแห่ง ก็แค่การเปลี่ยนบรรยากาศสินะ ได้ไปส่องหนุ่มหล่อต่างประเทศมันก็แจ๋ว (ถึงบางทีจะบ่นกับใหม่ว่า คิดถึงหนุ่มๆที่บึงเวคมากกว่า) 

ซึ่งเราก็คิดว่า คนที่ออกไปข้างนอก ไม่ได้จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น ถ้าแค่การไปเที่ยวคือการไปเที่ยว แต่สิ่งหนึ่งที่ได้คือ ประสบการณ์ และก็อยู่ที่ว่า เราจะใช้ประสบการณ์นั้นจัดการกับชีวิตตัวเองยังไง คงประมาณนั้น ...

เรากำลังกลัว เรากลัวที่จะต้องเริ่มอะไรใหม่ๆ เราบอกกับตัวเองที่กำลังจะลาออกจากงานในสิ้นเดือนนี้ เรากลัวที่จะทำงานที่ใหม่ไม่ได้ กลัวงานยาก กลัวการทำงานกับคนที่ไม่คุ้นเคย แล้วเราก็มานั่งคิดว่า มีอะไรที่เราจะกลัวได้อีกหรอ

เราคิดถึงตอนไปปีนเขารินจานี เรานึกถึงตอนที่เราเหนื่อยจนหน้ามืด ตอนที่เราเจ็บข้อเท้ามากๆ หรือตอนที่เราตกเหว อ้อ ตอนที่ต้องวิ่งทั้งๆที่เหนื่อยแถมก้าวขาไม่ออก จนถึงตอนที่สั่งให้ขาหยุดวิ่งแต่ก็ไม่สามารถหยุดได้เลย เหนื่อย กลัว กลัวตัวเองจะร้องไห้ขอกลับบ้าน พอเราคิดถึงเรื่องพวกนี้ เราก็คิดได้ว่า แล้วเราจะต้องกลัวอะไรอีกหรือ?” ไม่ใช่การเปรียบเทียบหยาดเหงื่อหรือความเหนื่อย ความยากลำบากที่เจอมา มันคือใจของเราที่อดทนต่างหาก ใช่มั้ย ?

ทุกครั้งที่เรานึกที่ประสบการณ์ที่เจอมา มันทำให้เรารู้สึกว่า เราจะทำได้” ประสบการณ์สอนให้เราอดทน




You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Show Comments: OR

Flickr Images