เรียนดำน้ำ ณ เกาะเต่า เข้าใจคำว่าเอาเงินไปละลายน้ำแล้วค่ะ !! ตอนที่ 2 (จบ)

เริ่มเข้าใกล้โลกแห่งใต้ท้องทะเลมากขึ้นทุกที่ หลังจากจบการเรียนภาคปฎิบัติในสระว่ายน้ำ ต่อไปพวกเราจะต้องเจอกับบทเรียนที่แสนหนักหน่วงโดยทำ...

เริ่มเข้าใกล้โลกแห่งใต้ท้องทะเลมากขึ้นทุกที่ หลังจากจบการเรียนภาคปฎิบัติในสระว่ายน้ำ ต่อไปพวกเราจะต้องเจอกับบทเรียนที่แสนหนักหน่วงโดยทำการเรียนการสอนกันที่ใต้ท้องทะเลลึก โอ้วววววววววววแม่จ๋าช่วยหนูด้วย หนูเริ่มกลัวแล้วจ้า !!

DAY  4
ลงใต้น้ำครั้งแรก ในช่วงเวลานี้ คิดซ้ำแล้วซ้ำอีก "จะไหวมั้ยนะ !!" คือด้วยความจริงที่เป็นคนขี้กลัว และด้วยความจริงแล้วก็ชอบเล่นอะไรแรงๆมาตั้งแต่เด็กๆ มันมีทั้งความรู้สึกอยากจะเล่นแต่ก็กลัว กลัวแต่ก็อยากเล่น (ฮะ อะไรนะ !! มันเหมือนกันหรอ ฮ่าๆ)  เข้าใจมั้ย
???

วันนี้นะคะ ครูปี่จะพาเราไปเรียนที่ห้องเรียนสีฟ้าที่กว้างที่สุดในโลก น้อยคนนักที่จะได้มาเรียนที่นี่ ด้วยความลึกสูงสุด 12เมตร ครูปี่นัดพวกเราแต่เช้าเหมือนเดิม ที่ห้องเก็บอุปกรณ์ เนื่องจากเราต้องออกทะเลกันรอบเช้า ประมาณ 7 โมง ด้วยความว่าเป็นประเภทที่กลัวหิว (หิวง่าย ฮ่าๆ) รอบเช้าครูบอกให้หาพวกขนมปังกินก่อนเดี๋ยวจะไม่มีแรงดำน้ำ พวกเราก็จัดกับข้าวชุดใหญ่ (ตล๊อด) ทั้งๆที่ร้านเขาก็พึ่งจะเปิด จริงๆเขาก็เปิดเพื่อพวกเรา เพราะพวกเราไปนั่งกดดั๊นกดดัน เร็วๆสิหนูหิวแล้ว ตลอดเวลา (จริงๆมันเปิดเป็นมือเช้าแบบฝรั่ง แต่หนูสองตัวนี้ เป็นตัวกินไม่อิ่มเลยขอสั่งเป็นข้าวแทน)
ภายในร้านอาหารของรีสอร์ตก็เต็มไปด้วยนักเรียนดำน้ำ ที่จะออกไปเรียนภาคปฎิบัติในทะเลพร้อมกับพวกเราหลายกลุ่ม หลังจากที่เสร็จธุระจากอาหารเช้าแล้ว เราก็เดินไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์เพื่อที่จะเลือกอุปกรณ์ของตัวเองใส่กระเป๋าเพื่อที่จะนำไปใช้บนเรือวันนี้ ก็มีฝรั่งแซบๆ เอ๊ย นักเรียนจากหลายกลุ่มเข้ามาเลือกก่อนหน้าแล้วของพวกเราจริงๆครูปี่จัดไว้ให้ซะเกือบครบแล้วค่ะ

อุปกรณ์ในกระเป๋าก็จะมี ชุดเวทสูท, BCD (เหมือนชูชีพ),ท่ออากาศและเข็มบอกอากาศ,หน้ากากดำน้ำ,ตีนกบ (จริงๆชื่อเรียกอุปกรณ์มันมีแบบพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วย ขอเขียนง่ายๆดีกว่า ) เราก็จับใส่กระเป๋าเสร็จแล้วก็ออกเดินทางกันเลย พร้อมมั้ย!!
 จากตรงนี้ แทบจะจำไม่ได้แล้วว่าทำอะไรไป  เราก็ทำสกิลที่เราเล่าเรียนมาจากในสระ ในวันนี้เราจะลงทะเลกัน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกก็จะฝึกตามที่เรียน แบบลงไปใต้ทะเล แล้วก็ทำเหมือนที่นั่งทำในสระเลย เราลงกัน ที่ Mango bay ที่ความลึกประมาณ 10~15m และ Japanese garden (ใกล้เกาะนางยวล)

ไปไม่เป็นท่าเลยค่ะ คืออารมณ์ว่า ไอ้ที่ทำในสระ ครูชมแล้วชมอีกนั้นบทพลิกไปเลยค่ะ ยิ่งตอนลอยตัวนี่ โซซัดโซเซสุดๆ และลุกลี้ลุกลนสุดๆ แต่พวกเราก็สามารถผ่านวันแรกของการลงใต้น้ำได้ เพราะพวกเราพยายามกันสุดๆกลัวโดนคุณคู่ว่า ในการลอยตัวในน้ำนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การหายใจ ถ้าเราไม่สามารถคุมสติเพื่อที่จะหายใจให้เป็นจังหวะได้นั้น ก็จะทำให้เราลอยขึ้นลอยลงจนบางทีก็อาจจะลอยอย่างเร็วจนถึงผิวน้ำเลยก็เป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างแรง เราต้องคิดเสมอว่า ถ้าหายใจเข้าปอดเขาจะเล็กลง นั่นแสดงว่ามันเบาแล้วเราจะลอย พอเราหายใจออกปอดก็จะขยายนั่นจะทำให้เราจม เราต้องพยายามรักษาจังหวะการหายใจตัวเองให้ดี
ทะเลที่เกาะเต่า น้ำใสมากๆ ไม่ต้องนั่งเรือไปไกลเลย มองแล้วก็รู้สึกสบายตา ... วันนี้หลังจากเรียนในทะเลเสร็จ จะมีการทำข้อสอบทฤษฎี ในห้องเรียนประมาณ 4 โมงเย็น

หลังจากจบ 2 ไดรฟ์ภายในช่วงเช้า พวกเรามีเวลาช่วงบ่ายสำหรับออกเที่ยว ... มาทะเลทั้งที ยังไม่ได้ไปไหนเลย นอกจากห้องเรียน และบนเรือ  เรา 2 คน ตัดสินใจไป เกาะนางยวลกัน เกาะที่พวกเราใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆว่าอยากจะไป โดยเราพากันเช่าเรือจากหน้าหาดทรายรี เพื่อไปที่นั่น 2 คน ในราคา 500 บาทไปกลับ (แพงเวอร์ !!!! ถ้ามากันหลายคน คงจะดีกว่านี้ ฮา)
ที่เกาะนางยวลก็มีการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้า ที่นั่นห้ามเอาน้ำจากภายนอกไป เป็นอะไรที่โหดร้ายมากๆ วันนั้นอากาศร้อนแต่เมฆครึ้มไม่มีลมเลย พวกเราพากันขึ้นไปบนจุดชมวิว เพื่อจะไปดูวิวที่เราจะสามารถเห็นเกาะนางยวลได้ทั้งเกาะ โดยการเดินไต่บันไดไป ทางเดินไม่ได้น่ากลัว แต่การที่ไม่มีน้ำดื่มเลยทำให้เหนื่อยมากๆเลยล่ะ
ก่อนจะไปถึงจุดชมวิวนั้น หนทางจะเป็นหินและมีที่ต้องปีนขึ้นหิน โดยเฉพาะจุดสุดท้าย ในวันที่เราไปนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเยอะมากๆ ตรงนั้นที่เป็นที่แคบและเมื่อมีคนยืนอยู่ด้านบนเพื่อถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก เลยทำให้ต้องรออยู่ข้างล่าง เราขึ้นไปถ่ายรูปกันแป๊บเดียวก็รีบลงมาเลยเพราะเกรงใจ
ใช้เวลาบนเกาะนางยวลกันเพียงครู่เดียวก็พากันกลับ มองเห็นเรือดำน้ำมาจอดลงดำน้ำลึกกันแถวๆนี้ด้วยนะ
พวกเรากลับมาทันเวลาทำข้อสอบพอดีตอน 4 โมงเย็น เรื่องของทฤษฎีมันไม่ได้ยากเท่ากับการออกไปลองดำน้ำจริงๆเลย จนตอนนี้ก็ยังนึกถึงฉากที่ตัวเองลงไปใต้น้ำครั้งแรก ทำทรายฟุ้งเต็มไปหมด ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีจริงๆ โชคดีที่การลงไปในตอนแรก เราไม่ได้ลงไปตรงจุดที่มีปะการัง เราลงไปตรงที่เป้นลานกว้างๆกันก่อน ถ้ามีปะการังเราอาจทำให้ปะการังตายได้นะ
DAY 5 เรียนดำน้ำวันสุดท้าย ไม่ไหวก็ต้องไหว !! 
ถ่ายกับครู
 การเรียนดำน้ำวันสุดท้าย กิจกรรมก็เริ่มเหมือนเมื่อวาน คือกินข้าวแล้วไปเตรียมชุด ซึ่งพวกเราก็กดดันที่ร้านอาหารเหมือนเดิม วันนี้ครูปี่พาเพื่อนร่วมห้องคนใหม่มา มีนามว่า เทล เป็นหนุ่มอังกฤษ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงหลุดมาวันนี้ได้ ครูก็ได้ต้องสอนนักเรียน 2 ภาษาเลย วันนี้เราลงกัน ที่ Mango bay ที่ความลึกประมาณ15~m และ twin rock  หนุ่มเทล ทั้งๆที่เรียนพร้อมพวกเรา แต่การทรงตัวดีมาก

วันนี้แทบจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่ก็ยังมีความกล้าๆกลัวๆนิดหน่อย หลังจากเมื่อวานที่พวกเราทำได้ไม่ดี ก็พยายามไปฝึกเรื่องการหายใจมากขึ้น ในช่วงแรกพวกเราก็ลงไปทำสกลิตามแผนการเรียน มีการสอนดูเข็มทิศภายในน้ำด้วย (ตลกมาก ตอนแรกเดินไปคนละทิศเลย)  วันนี้ถือเป็นวันเปิดโลกใต้น้ำของเราอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเมื่อวานมัวแต่กังเวลจนมองไม่เห็นอะไรเท่าไร
เราได้ลอยในน้ำอย่างสบายใจ ทำท่าบินแบบซุปเปอร์แมนตามครูปี่ หมุนตัวไปมาในน้ำ รู้สึกมีความสุขมากๆ ได้เห็นปลานีโม่ในทะเลครั้งแรกในชีวิตอีกต่างหากนึกถึงตอนครูพาบินผ่านช่องแคบ ซึ่งตอนนั้นเป็นวินาทีที่เราไม่กลัวอะไรแล้ว เป็นช่องแคบที่สวยที่สุด ทุกคนผ่านกันทางนี้ พวกเราต้องยื่นรอ (ลอยตัวรอ) ที่หน้าปากทางแล้วให้แต่ละคนเข้าไป ในการยืนรอตรงนั้น เรารู้สึกว่า เราทำได้แล้ว เรารอเฉยๆได้ ซึ่งปกติจะลุกลี้ลุกลนตลอด หนุ่มอังกฤษก็ทำได้ดีมากจนน่าตกใจ ครูปี่บอกกับพวกเราสองคนหลังจบไดรฟ์สุดท้ายว่า "โล่งอกไปที" ฮ่าๆ ตัวเราเองก็ยังไม่นึกว่าจะทำได้
จบการเรียนการสอน พวกเราเป็นนักเรียนฝาแฝดคู่แรกของครูปี่ ฮ่า แอบดีใจมากๆ เรารู้สึกชื่นชอบชีวิตของครูมากๆ ครูอยู่กับทะเลอยู่กับงานที่ตัวเองรัก งานที่ไม่เหมือนงานเลย ได้เจอปลานีโม่ ได้เป็นเพื่อนกับทะเล บรรยากาศภายในเรือหลังเรียนจบ เป็นอะไรที่ชื่นมื่นมาก พวกเรากำลังได้รู้จักโลกใหม่กันแล้วสินะ มีการอวยพรตบมือกันด้วย ยังจำบรรยากาศนั้นได้อยู่เลย
 หลักจากเรียนเสร็จพวกเรากลับมาเก็บของแล้วกลับบ้านกันเลย ตอนบ่ายด้วยรถของเรือลมพระยาเหมือนเดิม เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้กินข้าวเย็นกับครูปี่

จากเกาะเต่ามาด้วยความรู้สึกเศร้าๆ เกาะเต่าสำหรับเราตอนนี้มีแค่ทะเล กับร้านดำน้ำเท่านั้นเอง เรายังไม่ได้ออกไปเที่ยวที่อื่นเลย การที่เราเปิดโลกใหม่ในครั้งนี้ เราเข้าใจประโยคที่เขียนว่า คนที่อยากออกไปท่องเที่ยวมากที่สุด คือคนที่พึ่งกลับจากการท่องเที่ยวชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเรารับรู้เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างแล้วว่า เราชอบอะไร และอยากทำอะไร เราอยากออกเดินทางอีก อยากออกไปดำน้ำอีก อยากจะบินในน้ำอีก
ไม่เป็นไรหรอก ถ้ายังมีชีวิตอยู่ เราก็ยังค้นพบสิ่งใหม่ๆได้อีก ได้ทำในสิ่งที่ชอบได้อีก แต่ชีวิตมันสั้นนักนะ อย่าลืม
ความทรงจำเมื่อวันที่ 10-15 สิงหาคม 2557 
เรียนดำน้ำที่เกาะเต่า
by Mei


You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Show Comments: OR

Flickr Images