เอาเงินไปละลายน้ำ ลอยตัวสบายตัวสบายใจ ณ เกาะลันตา กระบี่

“ ครั้งแรกมักเป็นที่จดจำเสมอ   “   ประโยคนี้ใครพูดไว้เป็นคนแรกนะ แต่ว่าไม่ว่าใครจะพูด เราว่ามันคือความจริงเสมอ การไปผจญโลกใต้น้ำของเรา...

ครั้งแรกมักเป็นที่จดจำเสมอ  ประโยคนี้ใครพูดไว้เป็นคนแรกนะ แต่ว่าไม่ว่าใครจะพูด เราว่ามันคือความจริงเสมอ การไปผจญโลกใต้น้ำของเราที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็น ลันตาครั้งแรก” ของเรา เราตั้งชื่อโฟลเดอร์รูปไว้ว่าอย่างงั้น ลันตาในความทรงจำของเราเป็นเรื่องราวที่ประทับใจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้คน การใช้ชีวิตช้าๆช่วงเวลาสั้นๆที่เกาะลันตา หรือการดำน้ำที่ได้เจอสิ่งสวยงามจนยากที่จะลืม

ตอนนี้ถ้าใครถามว่าไปดำน้ำที่ไหนสวยสุด เราตอบได้เต็มปากว่าที่เกาะลันตา มันไม่ใช่แค่สถานที่ดำน้ำ แต่มันคือบรรยากาศที่เราจะได้เจอที่ เกาะลันตา จังหวัดกระบี่
หลังจากเรียนดำน้ำจบใหม่ๆ เราเคยได้ไปลองวิชาดำน้ำที่พัทยา 2 dive ที่หาดนวล และเกาะครก อยู่ใกล้ๆบริเวณเกาะล้าน ซึ่งก็ไม่ถือว่าประทับเท่าไร ถ้าใครที่ได้ลองลงดำน้ำที่เกาะเต่าเป็นที่แรก แล้วมาเจอการดำน้ำที่พัทยาที่ คนเยอะ น้ำขุ่น เรือเจ็ทสกีแล่นว่อนเต็มไปหมด จะรู้ถึงความแตกต่าง (แต่ไม่ใช่ว่าที่พัทยาไม่สวยนะ) เราสองพี่น้องก็รู้สึกงัวเงีย รู้สึกว่ามันยังไม่พอ พวกเราอยากลงไปดำน้ำอีก หลังจากที่ได้อ่านกระทู้ในพันทิปกระทู้หนึ่ง ที่เจ้าของกระทู้ไปดำน้ำที่ เกาะลันตา เราเห็นสีน้ำทะเลที่ครามมาก และการดำน้ำตื้นของพี่เขามันอลังการสุดๆ จึงทำให้พวกเราตัดสินใจไปเกาะลันตา ด้วยความรู้สึกว่า น้ำตื้นอลังการขนาดนี้แล้วน้ำลึกจะอลังการขนาดไหน

ดังนั้นพวกเราจึงไปเยือนเกาะลันตา ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ไปในวันที่สิ้นเดือนเงินหมด แต่เงินเดือนยังไม่ออกอีกต่างหาก พวกเราออกเดินทางกันวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ทั้งๆชุดทำงานไปขึ้นรถที่สายใต้ใหม่ ทางเดิมที่คุ้นเคย จากนวนคร ไปสายใต้ใหม่รถติดตลอดทาง จนทำให้พวกเราเสียวไส้พิลึก ไม่ได้ซื้อตั๋วรถล่วงหน้าไว้ ตั้งใจจะไปซื้อเอาที่หน้าเคาเตอร์เลย ไปถึงสายใต้ ตอน 20:00 พอดี แต่รถออก 20:20 โชคดีมากที่มีตั๋วรถบัสเหลือ

ในช่วงที่ยังไม่มีการบินตรงของสายการบินยิบยับเช่นปัจจุบัน การที่เลิกงานแล้วออกเดินทางเลย ช่วยประหยัดเวลามากๆ ก็นอนกันบนรถบัสตอนกลางคืน ถึงภาคใต้ตอนเช้าพอดี ประหยัดทั้งเวลาแล้วก็เงินอีกต่างหาก เมื่อถึง บขส กระบี่แล้วเราสามารถหาซื้อตั๋วไปเกาะลันตาได้ในราคาประมาณ 200 บาท ส่วนใหญ่แล้วก็ราคาเท่ากัน  ที่บขส กระบี่และภายในรถตู้ไปเกาะลันตาล้วนมีแต่ชาวต่างชาติทั้งนั้นเลย
ภูเขาของภาคใต้ต่างกับทางภาคอื่นๆ ภูเขาหินปูน ลักษณะเป็นภูเขาโดดๆ  เหมือนเป็นโต๊ะเลย
จาก บขส ไปถึงเกาะลันตา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ  ก็จะถึงท่าเทียบแพขนานยนต์แรก  จะไปเกาะลันตาใหญ่หรือน้อยก็ต้องข้ามแพข้าม เวลาที่เรือจอดอยู่บนแพก็จะพากันออกมานั่งรอข้างนอกตัวรถ  การเดินทางในเช้าวันนี้ ท้องฟ้าแจ่มใสมาก การที่ได้ใช้ชีวิตช่วงเช้าในวันนี้ ได้เห็นทะแล ได้เห็นท้องฟ้าสดใส เป็นความรู้สึกที่สดชื่นจริงๆ

รถตู้นั้นจะพาพวกเราไปส่งตามโรงแรมที่จองไว้เลย ที่พักในลันตาของพวกเรานั้น จองผ่านเว็บไซต์อโกด้าก่อนมาพักเพียงคืนเดียว ที่พักมีชื่อว่า พีค็อก หรือพี่รถตู้จะเรียกว่า โรงแรมนกยูง หน้าท่าเรือ โรงแรมนกยูงเป็นเกสเฮาสต์เล็กๆที่อยู่หน้าท่าเรือ ติดทะเล บรรยากาศดีมากๆ มีทั้งแบบแอร์ พัดลม ห้องรวมหญิงชาย หรือห้องรวมหญิง เราเลือกนอนแบบห้องรวมชายหญิง ในราคาคืนละ 300 บาท ซึ่งมีเกสเฮาต์ที่ถูกกว่านี้อยู่เหมือนกัน แต่ว่าส่วนใหญ่มันเต็ม

ตอนที่พวกเราไปถึงที่พัก พี่ที่อยู่หน้าฟร้อนเช็คอินตกใจมาก เพราะที่นี่ไม่เคยมีคนไทยมาพัก พี่เขาบอกว่าเคยมีมาครั้งนึงที่เป็นคนไทย แต่มากับคนต่างชาติ พวกเราเป็นลูกค้าคนไทยกลุ่มแรกเลย ตามปกติแล้วคนไทยจะเปิดห้องนอนโรงแรมเสียมากกว่า

จุดมุ่งหมายของพวกเราครั้งนี้คือการมาดำน้ำที่เกาะลันตา หลังจากที่เก็บของและพักผ่อนที่พักผ่อนที่หลังบ้าน (เกสเฮาต์) กันได้ครู่นึง ก็รีบออกไปหาร้านดำน้ำกันเลย พวกเรามีเวลาดำน้ำแค่พรุ่งนี้วันเดียว ไม่อยากพลาดโอกาสคนเต็ม ร้านปิดรับคน เราเล็งกันไว้แต่ต้นแล้วว่าจะไปร้านดำน้ำที่ชื่อว่า “Go Dive” เป็นร้านดำน้ำที่เจ้าของเป็นคนไทย และโชคดีมากที่พี่ผู้จัดการเป็นคนไทย มีชื่อว่าพี่นัท ทราบว่าเป็นสาวโคราชด้วย พรุ่งนี้พี่นัทจะเป็นไดรฟ์มาสเตอร์ให้พวกเรา พี่นัทบอกว่า มีคนไทยแค่ เรา 2 คน จึงทำให้รู้สึกเกร็งนิดหน่อย

แมวที่ร้านอาหาร อ้อร้อมากๆ



นอกจากจุดประสงค์คือการดำน้ำแล้ว พวกเราก็ไปได้คิดจะทำอะไรเลย หลังจากหาอะไรกินนั่งคุย อ่านชื่อปลาจากสมุดแข็งที่พึ่งซื้อมาเรือยเปื่อย ก็ลองเดินเล่นแถวๆชายหาดดู จริงๆเป็นชายหาดส่วนตัวแหละ พวกเราไม่รู้ก็เลยเดินมึนเข้าไป แต่แป๊บเดียวก็ออกมา ประมาณบ่าย 3 ใหม่มีนัดกับพี่โอ๋ ที่อาศัยอยู่เกาะลันตาโดยรู้จักกันผ่านอินเตอร์เน็ต ก่อนจะถึงเวลานัด พวกเรานอนกลิ้งไปมาบนเตียง 2 ชั้นในห้องพัก สบายจนไม่อยากลุกไปตามเวลานัดเลยเชียว


พี่โอ๋พาไปชมหมู่บ้านชาวเล ที่อยู่ห่างจากที่พักเราเพียงไม่กี่ก้าว ตกใจมากๆเข้าไปแล้วเหมือนคนละโลกเลย พี่โอ๋บอกว่า แต่เดิมคนในหมู่บ้านมีอาชีพเผาถ่าน แต่เลิกไปเนื่องจากรัฐบาลให้เลิกเนื่องจากต้นไม้ถูกตัดเยอะ มีควันฟุ้ง ทำให้คนที่นี่หันมาทำอาชีพประมงแทน บ้านของชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังเป็นบ้านไม้เล็กๆ

หลังจากพี่โอ๋พาไปชมหมู่บ้านให้ความรู้ พวกเราบอกลาพี่โอ๋ก่อนพระอาทิตย์ตกดินเนื่องจากว่าต้องรีบนอน พรุ่งนี้ต้องไปดำน้ำแต่เช้า ถ้าเป็นไปได้พวกเราก็จะพยายามทุกอย่างที่ลดการที่จะทำให้เกิดการเป็นหวัดไม่สบาย เพราะการที่หูดับจะเป็นปัญหาใหญ่ในการเคลียร์หูหลังจากลงน้ำไปแล้ว


เช้านี้ที่เราตื่นมาพร้อมกับวิวทะเล การนั่งเล่นตอนเช้าหลังบ้านก็ดี หรือการมานั่งรอเวลาขึ้นเรือที่หลังร้านก็ดี ทำให้นึกถึงเพลงนึงตลอด ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันได้ยังไง เพลงนั้นมีชื่อว่า “ทิ้งรักลงแม่น้ำ” เนื้อร้องที่ไหลอยู่ในหัวตลอดเวลาคือ “ปล่อยให้ไหลไป ให้ลอยลงสู่ทะเลให้หายไป ให้มันอย่าคืนย้อนมา” (ตอนนี้ก็นังนั่งฟัง) ของ Y NOT 7 เพลงมันเกี่ยวกับการผิดหวังในความรัก แต่ในอารมณ์นั้นคงหมายถึงเรื่องราวที่ลำบากใจต่างๆที่พกมาด้วยละมั้งคะ


ทั้งๆที่ครูปี่ก็บอกไว้แล้วว่า ถ้าจะดำน้ำก็ต้องเจอแต่ชาวต่างชาติ ครูต่างชาติ ไดรฟ์มาสเตอร์ต่างชาติ ถ้าจะให้ดีพวกเราควรเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง จะได้เข้าใจเวลาไกด์พูด หรือมีโอกาสได้เจอเพื่อนต่างชาติจากการดำน้ำ แต่สุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษตามที่ครูปี่บอก แล้วความตื่นเต้นก็มาถึงเมื่อ ไดรฟ์มาสเตอร์ของเราวันนี้ไม่ใช่พี่นัท ตามที่บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวาน กลายเป็นชาวสาวชาวต่างชาติเสียซะงั้น !! เนื่องจากน้องสาวพี่นัทมาจากกรุงเทพเหมือนกับเรา แล้วพี่นัทจะพาน้องสาวลงดำน้ำ ซึ่งต้องให้เราไปอยู่กลุ่มคุณดาน่า พร้อมกับเพื่อนร่วมไดรฟ์ซึ่งเป็นต่างชาติเหมือนกัน อีก 2 คน


เราจะไปกันที่ เกาะห้า ค่ะ นั่งเรือจากเกาะลันตาออกไปอีกประมาณเกือบ 2ชั่วโมง ก่อนลง รู้สึกประหม่ามากๆ เพราะว่าห่างการดำน้ำไป 5เดือน กลัวจะต่ออุปกรณ์ผิด กลัวจะดำไม่ได้ ทรงตัวไม่ได้ สารพัดที่จะกลัว ก่อนลงคุณดาน่าก็มาบรีฟพวกเรา บอกเสต๊ปที่เราจะดำน้ำ จุดไหน มีโอกาสเจอปลาอะไร ฝรั่งลูกทีมอยากเจอแมนตาเรย์แหละ แต่ตอนนั้นนี่ถ้าได้เจอบอกเลยว่า พี่เมไม่พร้อมอย่างแรง
กลุ่มนี้มาเรียนวันสุดท้าย แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมเราถึงเอาเงินไปละลายน้ำกัน

เราจบไดรฟ์แรกแบบย่ำแย่มากๆ เนื่องจากพวกเราลอยตัวได้ไม่ดีเลย พี่นัทเป็นล่ามให้คุณดาน่า คุณดาน่าบอกว่า พวกเรามักจะลอยแบบขาตั้งขึ้น ตัวลอยไม่ราบดีพอจึงทำให้พวกเราลอยขึ้น ซึ่งมีบางทีที่ลอยยาวจนเกือบถึงผิวน้ำ แต่เราก็คิดว่าเรายังไม่แย่เท่าไร เพราะเราลอยขึ้นเพียงแค่ช่วงแรกๆ หลังจากปรับตัวได้แล้วก็คิดว่าไม่มีปัญหานะ แต่คู่ฝรั่งที่มาด้วยมีชายคนนึง หญิงคนนึง คนผู้หญิงลอยเกือบถึงผิวน้ำเลย คุณดาน่าต้องขึ้นไปดึงมา
 

ไดรฟ์แรกพวกเราลงลึกสุดเพียงแค่
 16 เมตร … การดำน้ำที่ฝั่งอันดามันครั้งแรก ถึงจะรู้สึกแย่ในช่วงแรก แต่ว่ามันรู้สึกดีมากๆ น้ำใสและปลาเยอะมาก อีกทั้งปะการังก็สมบูรณ์แบบสุดๆ เราสามารถเห็นปะการังได้หลากหลายสี ปะการังใบพัดเยอะมากๆ รูปที่ถ่ายใต้น้ำทั้งหมดไม่ใช่จากกล้องเราเลย เราสองคนซื้อจากตากล้องของร้านมาเพื่อเป็นที่ระลึก

ไดรฟ์ที่
 2 ของการดำน้ำที่เกาะลันตา มีชื่อว่า เกาะห้าใหญ่ ถึงแม้ว่าจนตอนนี้เราก็ยังดำน้ำลึกเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง แต่อยากบอวก่าเราดำน้ำที่เกาะห้าใหญ่ นั้นเป็นไดรฟ์ที่เราประทับใจแบบไม่รู้ลืมเลย  หลังจากเราได้รับคำติจากดาน่าแล้ว เรารู้แล้วว่าเราจะไม่พลาดเพื่อให้เป็นที่อับอายขายหน้าใครๆอีก

การลงดำน้ำที่เกาะห้าใหญ่นั้น เป็นการดำน้ำที่ลอยตัวแทบไม่ถึงพื้นทรายเลย เราพากันกระโดดลงจากเรือ แล้วไต่ลงความลึกไปเรื่อยๆประมาณ 16-18 เมตรเห็น โดยที่ลอยลงไปข้างๆเกาะห้าใหญ่เลย ฝั่งซ้ายมือเราจะเห็นฐานของเกาะ ส่วนด้านขวามือของเราจะเป็นน้ำทะเลเวิ้งว้างมีปลาว่ายน้ำคู่กันกับเรา ส่วนด้านล่างเรามองเห็นกลุ่มแอดวานซ์ที่สามารถดำน้ำลึกได้กว่าเราดำอยู่เทียบพื้นทราย ไดรฟ์นี้เราจะจะดำน้ำรอบฐานของเกาะห้าใหญ่




และเราสองคนก็ทำได้ดีมากๆ (คุณดาน่าแกชมว่างี้ ฮ่าๆ) การที่เราไม่ต้องถึงทรายสักเท่าไร ทำให้เราไม่ลุกลี้ลุกลนว่าจะไปโดนทราย เราแค่ดำโดยไม่ให้ต่ำกว่าคุณดาน่าเท่านั้นเอง พวกเรา
 5 คนบินข้ามโขดหิน ข้ามปะการังมากมาย เจอปะการังใบพัดสวยงามอีกเช่นเคย มีบางตอนทีเราว่ายน้ำก็มีปลามาขวางทางเราไว้ (จำไม่ได้ว่าเป็นปลาอะไร) แล้วพอเราใกล้ถึงตัวพวกมัน มันก็หลบทางให้ ตื่นตาตื่นใจมากๆ เจอทากทะเล (นูดี้) ปลาไหลมอเรย์ ดอกไม้ทะเลปละปลาการ์ตูน ปลาสิงโต (ตัวนี้น่ากลัวนะ) คุณดาน่าพาไปเจอปลาแมงแม่งปล่อง แบบไม่กล้าเข้าไปเป็นอย่างมาก (มันน่ากลัวและมีพิษ)
ปลาสิงโต
ปลาไหลมอเรย์
ปลานีโม่
ปลาโนรี
มีหลายจุดที่เป็นเหมือนช่องแคบที่พวกเราต้องค่อยๆบิน (ลอย)เข้าไป แต่ที่ทำให้ประทับใจเกาะห้าใหญ่ที่สุดคงเป็น การเข้าถ้ำ นี่แหละ ตอนที่เลี้ยวไปเห็นถ้ำใต้น้ำขนาดใหญ่ในตอนแรก รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ไม่คิดว่าคุณดาน่าจะพาเข้าไป แต่พวกเราก็ได้เข้าไป พอเข้ามาแล้วได้มองออกไปนอกถ้ำ เป็นภาพที่อลังการมากๆ ได้เห็นมนุษย์ใต้น้ำคนอื่นๆ กำลังลอยตัวอยู่ มองแล้วนึกถึงหนังสายลับเลย ตอนนั้นช่างกล้องถ่ายรูปเยอะมากๆ ไม่ทันได้ไปสำรวจเลยว่าข้างในมีอะไรมั้ย คุณดาน่าก็พาออกตรงทางออกเล็กๆข้างๆทางเข้า ซึ่งเล็กมากๆลอดไปได้เพียงทีละคนเท่านั้น ตอนที่ทุกคนรีรอว่าใครจะเข้าไปก่อน เราก็ตามคุณดาน่าไปคนแรกแล้วออกมารอเพื่อๆร่วมทีมข้างนอกด้วยความมั่นใจ (ยืดมาก)
ฝรั่งตัวน้อยอยากเล่นกับพี่เม

จบไดรฟ์อย่างสวยงาม คิดแล้วก็อยากไปอีก เกาะห้าใหญ่อลังการงานสร้างสรรค์ของธรรมชาติจริงๆ  ขึ้นจากเรือพวกเราก็มาคุยกันสนุกสนานกับพี่นัท และพี่ออย(น้องสาวพี่นัท) เรื่องไปเที่ยวนั่นนี่สารพัดเหมือนคนรู้จักกันมานานมาก คุยซะรู้ตัวอีกทีอาหารกลางวันบนเรือก็ใกล้จะหมดแล้ว วันนี้พวกเราก็เลยนัดกันไปล่องเรือตกปลา ดูแพลงก์ตอนเรืองแสง และกินหมูกระทะกับพี่โอ๋กัน 


จริงๆหลังจากพวกเราขึ้นจากเรือ มีฉลามวาฬเข้ามาเยี่ยมที่เกาะห้าใหญ่ด้วย เรือลำอื่นได้เห็น เรือเราอดเห็น เราอดเห็น น่าเสียดายมากๆ เราอยากเจอฉลามวาฬสักครั้งในชีวิตเห็นแบบบังเอิญเห็น ไม่ใช่ไปแหล่งที่เขาเลี้ยงไว้อย่างที่เซบู ฟิลิปนส์ เราก็เลยยังไม่ไปฟิลิปินส์ เพราะอยากเห็นฉลามวาฬก่อน
หลังจากลงจากเรือ พวกเราก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปพบพี่โอ๋ วันนี้พี่โอ๋จะพานั่งเรือไปดูพรายน้ำ คำว่าพรายน้ำนี่น่ากลัวมากๆ พรายน้ำก็คือแพลงก์ตอน สิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว์ที่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ ไม่สามารถว่ายน้ำไปยังทิศทางที่ต้องการอย่างอิสระ เรารู้จักแพลงก์ตอน แต่เราไม่รู้ว่ามันน่าไปดูยังไง จนเราได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Life of Pi เป็นฉากที่แพลงก์ตอนเรืองแสงเป็นการเคลื่อนตัวของปลาวาฬ แพลงก์ตอนนั้นมันจะสะสมพลังงานจากแสงอาทิตย์เอาไว้ในตอน­กลางวัน และจะปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมาในตอนกลางคืน เมื่อมีการสั่นสะเทือนของน้ำ ดังนั้นเมือเราสัมผัสหรือทำให้เกิดความเคล­ื่อนไหวของน้ำจึงจะเกิดแสงสีฟ้าเขียวสวยงา­
นี่ไง ไข่มุกแห่งอันดามัน
พอพระอาทิตย์ตกดิน รอบๆมืดๆ ให้ลองเอามือไปตีน้ำ ก็จะเห็นแสงสีเขียวๆขาวๆ พี่โอ๋บอกว่าถ้าคนกระโดดๆไปคนเลยจะเห็นชัดมาก ไม่มีใครกล้ากระโดดนะ แอบเสียดาย พี่นัทก็เล่าว่าถ้าไปไนท์ไดรฟ์ล่ะก็ สนุกแน่ๆ เต้นท่าไหนในน้ำตอนกลางคิน ก็จะเห็นแพลก์งตอนเรืองแสงเป็นแบบนั้นเลย

พวกเราเล่นเอามือตีน้ำกันคนละฝั่งเรือ (เดี๋ยวเรอจม ฮาๆ) บ้างก็นอนดูดาว บริเวณรอบข้างมืดสนิทมาก เห็นกลุ่มดาวที่สวยที่สุดในชีวิต พร้อมกับบรรยาศที่น่ากลัวนิดหน่อยเมื่อชาวเลเล่าเรื่องน่ากลัว เรื่องลี้ลับให้ฟัง แต่พี่โอ๋ก็พยายามบอกว่าไม่มีหรอก คิดกันไปเอง ดังนั้นตอนเอามือพายน้ำ หลายครั้งก็ดันแอบคิดว่า จะมีสิงน่ากลัวมาจับมือเราไว้มั้ยนะ ! โอ้ยย จะคิดทำไมเนี่ย

แต่ถึงยังงั้น การออกมานอนดูดาว เล่นกับพรายน้ำในวันนี้ เป็นสิ่งที่เราจะไม่มีโอกาสเลย ถ้าเราไม่ตัดสินใจออกมา หมายถึงออกจากสิ่งเดิมๆที่เคยเป็นอยู่ ถ้าเราไม่ตัดสินใจเรียนดำน้ำ เราจะได้มาเกาะลันตามั้ยนะ?
มากินหมูกระทะกัน พี่โอ๋มาส่ง แต่ไม่ได้กินด้วยกัน
ต้องขอขอบคุณพี่นัท พี่ออย พี่โอ๋ พี่ชาวเล ที่ที่ให้การมาลันตาครั้งนี้เป็นสิ่งที่ประทับใจมากๆ การได้เจอเพื่อนใหม่ การได้เจอวิวใหม่ๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
ตื่นเช้ามาด้วยความรู้สึกสดชื่นสุดๆ กับวิวทะเลหลังบ้าน โรงแรมนกยูงก็เป็นอีกที่นึงที่เรารู้สักรักมาก เหมือนบ้านเลย เราอยากมีบ้านที่มีหลังบ้านเป็นทะเลแบบนี้ คงจะมีความสุขมาก ถ้าตอนเช้าได้มายืดเส้นยืดสายที่หลังบ้านวิวทะเล
ก่อนกลับพวกเราก็ไปกินข้าวริมทะเลร้านเดิมที่ไปกิน ตั้งแต่มาเราก็กินกันอยู่ร้านเดียว เมนูเดิมๆจนพนักงานจำได้ 
พวกเรานั่งรถกลับในบ่าย ถึงบ้านตอนตี 4 และแต่งตัวไปทำงานพร้อมกับพกพาความคิดที่ว่า ความอิสระของชีวิต ที่คนที่รักอิสระอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะเข้าใจมัน. ลองนึกถึงการบินได้ในน้ำดูสิ !!


ความทรงจำเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม 2558 
เกาะลันตา ครั้งแรก
by Mei

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Show Comments: OR

Flickr Images