ชุมพร
ดำน้ำ
เที่ยวไทย
เที่ยวเอง
บันทึกดำน้ำ
บันทึกท่องเที่ยว
เอาเงินไปละลายน้ำ อยากเจอฉลามวาฬ ลอยตัวสบายตัวสบายใจ ณ ชุมพร
16.4.59มีวันหยุดหลายวัน หมายถึงวันหยุดของบัดดี้ที่โรงงานหยุดให้ตั้งแต่วันที่ 9-18 เมษายน ส่วนเราเองไม่มีวันหยุดเพราะยังไม่มีงาน ฮ่าๆ พวกเรา 2 คนไม่รู้เลยว่าจะไปไหนในช่วงหยุดสงกรานต์ ตั้งใจว่าจะอยู่เฉยๆที่บ้านบ้าง ส่วนตัวแล้วเราอยากไปเชียงใหม่มากแต่บัดดี้บอกว่าช่วงนี้ขึ้นเขากันเยอะแล้ว จู่ๆก็บัดดี้บอกว่าลงน้ำกันบ้างดีกว่าเตรียมหาแพลนจองโรงแรมที่เกาะเต่าไว้พร้อมรอวันเดินทาง
ไม่ได้ดำน้ำมานานแล้วหลังจากครั้งสุดท้ายที่ไปที่ทะเลพัทยาแล้วไม่สามารถลงดำน้ำได้เพราะไม่สบายแล้วปรับความดันหูไม่ได้
จึงต้องโผล่ขึ้นมากลางทะเลคนเดียว เรามีชั่วโมงดำน้ำน้อยมากถ้าเทียบกับบัดดี้
เธอดำได้เยอะกว่าเรา เคยไปดำที่ญี่ปุ่น ที่บาหลีมาแล้วด้วย ปีนี้ตั้งใจว่าจะต้องดำให้ได้
2 ครั้ง
รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ดำน้ำและเป้าหมายของปีนี้จะสำเร็จ
ที่เขียนข้างบนบอกว่าไปดำน้ำที่เกาะเต่า
จริงๆคือเราไปชุมพรกัน ก่อนเดินทาง 1อาทิตย์เรารีบยกเลิกการจองห้องพักที่เกาะเต่าแล้วไปชุมพรแทน
เพราะไปอ่านมาว่าช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ฉลามวาฬจะเข้าแถบชุมพรบ่อย เราก็เลยรีบเปลี่ยนใจเลย
เราอยากเจอปลาฉลามวาฬมากๆเคยไปตามหาที่ลันตาแต่ก็คลาดกันมาแล้ว ครั้งนี้จึงลองเสี่ยงดวงดู
ถึงค่าดำน้ำจะแพงกว่าที่เกาะเต่าแต่ก็คิดว่าถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง
พวกเราจองที่พักที่ชื่อ
“F@me guest house” ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟชุมพรไว้
3 คืน
เนื่องจากพวกเราเดินทางด้วยรถไฟมาถึงดึกจึงไม่อยากจองไว้ไกลและที่พักของร้านดำน้ำที่พวกเราใช้บริการก็เต็ม ก็เลยจองในเมืองดีกว่า ตอนดำน้ำค่อยนั่งรถไป
ร้านดำน้ำมีชื่อว่า “Chaokoh diving “ ผู้แนะนำคือน้องต่อเอกจิต
รุ่นน้องหัวฟูรุ่นน้องในคณะที่จู่ๆก็ได้มารู้จักกัน
จริงๆแล้วรู้สึกไม่ค่อยอยากไปทริปนี้สักเท่าไร
อย่างว่า งานก็ยังหาไม่ได้ทั้งๆที่หามาทั้งเดือนมีนาคม รู้สึกกังวลเรื่องหางานแถมเมษายนก็ดันมีวันหยุดเยอะ
แต่ถึงจะอยากหางานขนาดไหนวันหยุดก็คงไม่มีบริษัทไหนที่เราจะขอเข้าไปสัมภาษณ์ได้อยู่ดีใช่มั้ย
? แถมมีอาการแพ้ขนของพี่จิ๋วที่ช่วงนี้ดูเครียดๆขนร่วง พออยู่กับพี่จิ๋วก็เลยเจ็บคอน้ำมูกไหลหูอื้อ
นี่เป็นปัญหาใหญ่เลยนะเนี่ยถ้าลงน้ำไม่ได้อีกจะทำยังไงไปถึงตั้งชุมพร
(จัดยาสารพัดเตรียมไว้)
หลังจากใหม่เลิกงานในวันที่
8 เมษายน
ก็พากันดูซีรียส์เก็บเสื้อผ้าก่อนออกเดินทางไปนอนห้องเพื่อนที่กรุงเทพ
พวกเราตั้งใจว่าจะไปเอาตั๋วรถไฟฟรีเพื่อเดินทางไปชุมพรตอนรอบบ่ายโมง เลยตั้งใจไปให้ถึงหัวลำโพงต้นสายตอน
ตี 5 ช่วงเทศกาลคนคงหยุดเยอะถ้าไม่รีบมีหวังได้ยืนบนรถไฟไปชุมพร
ทราบมาว่าคนที่มาเอาตั๋วตอน 9โมงเช้าตั๋วหมดแล้วจ้าต้องยืน
ตามปกติพวกเราจะนั่งรถโดยสารไปยังไงรถก็ไม่ติด( แต่ค่าดำน้ำมันเกิบงบไปหน่อยเลยต้องมาประหยัดส่วนนี้
ถ้าไปเกาะเต่าก็เสียตกไดฟ์ละ 700 ถ้าลง 2 ไดฟ์ก็
1,400เอง
แต่ที่เราจะไปราคา 2,300บาท)
สมัครวิ่งเทรลครั้งแรกในชีวิตลองที่
10 กิโลเมตรก่อน
พี่ที่รับสมัครบอกว่าน้อยไปหรือเปล่า !
พวกเราดูอึดขนาดนั้นเลยหรือไงเนี่ย ? หรือยังไง? |
หลังจากเอาตั๋วเสร็จมีเวลาเยอะมากๆก็ไปนอนบนโต๊ะนั่งภายในหัวลำโพง ก่อนจะไปหาอะไรกินรอจนห้างเปิดเพื่อไปสมัครวิ่งเทรลสนามแรกในชีวิต
ไม่ได้ชอบวิ่งมาราธอนหรอกจะ ถึงตอนเด็กๆจะเคยลง 5 กิโล 7กิโล แบบไม่เคยซ้อม แล้วก็เคยลงวิ่งระยะไกล (จำระยะไม่ได้)
มาตลอดทั้งๆที่ไม่ซ้อมเหมือนกัน คือบอกได้ว่าตัวเองก็เป็นนักวิ่งอะนะ
สมัยก่อนเล่นอย่างอื่นไม่เป็นพอโดนจับให้ลงกีฬาอะไรสักอย่างตอนกีฬาสีก็เลือกวิ่งนี่แหละ
!! ที่อยากลงวิ่งเทรลครั้งนี้เพราะรู้สึกว่าอยากลอง
เรารู้แล้วว่าเราชอบการเดินเขา เดินป่าเพราะหมือนได้หายใจจริงๆ เวลาปกติชอบหายใจไม่ออกพอได้เข้าป่า เหนื่อยหอบก็รู้สึกว่าร่างกายมันตะเกียกตะกายที่จะหายใจเอง โดยไม่ต้องพยายาม อยากรู้ว่าเราจะทำได้ขนาดไหนแถมด้วยถ้าเราลงวิ่งครั้งนี้ เราจะมีกำลังใจฝึกคาร์ดิโอ้บ้าง
จะได้ผอมๆแล้วจะได้อึดๆเวลาเดินเขา
ง่ายๆก็คือหาแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายนั่นแหละ
แต่… ทริปนี้เราจะลงน้ำก่อน ฮ่าๆ การวิ่งเทรลครั้งแรกของเราจัดขึ้นตั้งเดือนกรกฎาคม มีเวลาอีกเยอะ !! เอาล่ะ พูดถึงเรื่องการเดินทาง รถไฟฟรีครั้งที่ 2 ของเราในประเทศไทย เราไม่ค่อยชอบวิธีการปล่อยตั๋วแบบนี้เลย จริงๆก็เข้าใจว่ามีผู้ที่ต้องการโดยสารเยอะจนเกินที่นั่ง แต่การที่ปล่อยซะให้มีคนยืนเต็มตู้รถไฟมันก็ดูอันตรายเกินไปหรือเปล่า อีกทั้งสำหรับคนที่ได้ที่นั่งที่อุตสาห์มารอแต่เช้าตรู่ต้องสละที่นั่งให้ผู้หญิง หรือคนชรา (ทั้งๆที่ตู้คนชราก็มีแต่เขาไม่ได้ไปขึ้น) มันก็ดูน่าสงสารทั้งสองฝ่ายจริงๆ มีพี่ผู้ชายคนนึงขึ้นต้นสายแบบเราแต่ต้องยืนถึงชุมพรเพราะสละที่นั่งให้คนอื่น (ไม่รู้พี่แกลงไหน แต่เราลงชุมพรพี่แกก็ยังอยู่)
อากาศร้อนมากโดยเฉพาะเวลารถไฟจอด
คนนั่งริมหน้าต่างอย่างบัดดี้ก็ดีไป แต่พวกเราก็สลับที่นั่งกันคนละครึ่งทาง นั่งหลับๆตื่นๆกันตลอดทาง
เวลาที่กำหนดถึงชุมพรคือ 21.10 น. รถไฟออกตรงเวลา
แต่ออกแล้วไปจอดรอเปลี่ยนนั่นนี่ต่อ ฮาๆ
ครั้งนี้เราไม่เจอรถไฟเสียให้นั่งหงุดหงิดเหมือนตอนนั่งรถไฟไปเที่ยวกาญจบุรี
ฟังเพลงทำอารมณ์ไปเรื่อย บางครั้งก็หยิบหนังสือเรื่อง “ใต้ทะเลมีความรัก” ของอาจารย์ธรณ์มาอ่าน
ลุงที่นั่งข้างๆจะไปสุไหงโกลก
ที่นั่งแกไม่มีเบอร์ที่นั่ง แกงงว่าพวกเรามีที่นั่งได้ยังไงเพราะลุงแกมาเอาบัตรโดยสารตอน
9โมงเช้าก็หมดแล้ว
เราบอกลุงว่า “หนูมาเอาตอนตี
5 ค่ะ” แกก็ตกใจมากว่าทำไมมาแต่เช้าแบบนี้ (ก็อย่างว่าถ้าไม่รีบมาก็ไม่ได้ที่นั่งสิคะ)
แกชวนคุยถามว่าเราไปไหน ชวนแหลงใต้อีกต่างหาก พอเราบอกว่าเราจะไปเที่ยวชุมพร
แกก็ถามว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่นหรอ ซึ่งเราก็ไม่ได้มีเพื่อนอยู่ที่นั่น
แกก็ไม่เข้าใจว่าเราจะไปเที่ยวยังไงเพราะไม่มีคนรู้จักที่นั่น
ก๋วยเตี๋ยวแห้งก็อร่อยดีแต่ลูกชิ้นแอบมีกลิ่นเปรี้ยว
|
กว่าจะถึงชุมพรก็ราวๆ 4 ทุ่มครึ่ง ง่วงมากๆ พอลงจากรถไฟปุ๊บก็ปรี่ออกจากสถานีเพื่อไปที่พักเลย สำหรับเฟรมเกสเฮาสต์เฮาส์เราเคยได้มีโอกาสไปนั่งกินข้าวกินกาแฟรอขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพตอนไปเที่ยวเกาะเต่าครั้งก่อน ที่เฟรมนั้นเราเคยเข้าใจว่าเป็นเอเจนซี่ขายตั๋วรถ ตั๋วเรือเดินทางไปเที่ยวตามเกาะต่างๆในประเทศไทยคนต่างชาติจะเยอะมากๆ พึ่งรู้ว่ามีที่พักด้วยก็ตอนที่เปิดดูจาก booking ตอนหาที่พักที่ชุมพรนี่แหละ
ห้องพักเราเป็นแบบห้องพัดลมเตียงคู่
มีห้องน้ำในตัว พนักงานเช็คอินน่ารักมากๆ
เราขอให้เขาช่วยหารถไปที่ร้านดำน้ำในวันพรุ่งนี้
แต่ทางเกสเฮาสต์แนะนำไปแบบถูกๆคือรถสองแถว แต่ถ้าจะเอารถก็จะไปส่งให้ในราคาขาละ 350
บาท
พอเช็คอินเข้าเสร็จได้เข้าพักพวกเราก็พากันออกไปหาซื้อน้ำและซื้อโจ๊กซื้อมาม่ากินกันก่อนนอน
ถ้าไม่กินนอนไม่หลับแน่ๆ
พอตอนเช้าพวกเราก็ขอให้ทางโรงแรมจัดรถรับส่งให้พวกเรา
เพราะมองไม่เห็นรถสองแถวสักที กลัวจะไปถึงที่ร้านดำน้ำช้า ซึ่งทางร้านนัดไว้ 8
โมงเช้าโดยมีพี่กุ้งที่จะเป็นไดฟ์มาสเตอร์เราเป็นคนวิ่งวุ่นต้อนรับ
ถึงร้านดำน้ำก็จัดแจงเซ็นเอกสารต่างๆเกี่ยวกับการเข้าใจการรักษาความปลอดภัยตามแบบของ
PADI รู้สึกตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก
มีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นตรงที่ทางร้านนึกว่าพวกเราจะดำน้ำตื้นกัน
ก่อนเวลาขึ้นเรือแค่ไม่กี่นาที เรารอเวลาเรือออกแต่ทางร้านก็ยังไม่พาไปจัดเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำลึก
จนเราบอกพี่กุ้งพวกเราไม่มีอุปกรณ์นะ นั่นแหละพี่กุ้งต้องรีบวิ่งวุ่นพาไปเตรียมอุปกรณ์
ไดฟ์แรกของการดำน้ำที่ชุมพรนี้เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายมาก
เนื่องจากการกำหนดการเดินทางก็จะขึ้นกับพี่กุ้งหัวหน้าทัวร์ดำน้ำของพวกเรา
แล้ววันนี้เราเริ่มกันที่ “เกาะง่ามน้อย” ซึ่งกลุ่มดำน้ำลึกจะเริ่มลงกันที่ “เรือหลวงปราบ 741” เราไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าเราจะได้ลงดำน้ำดูเรือจมเร็วขนาดนี้
ตื่นเต้นมากอีกทั้งความกังวลเรื่องการเคลียร์หูก็ถาโถมเข้ามา
เรากำลังได้ดำน้ำดูเรือจมครั้งแรกในชีวิต แต่อาจจะลงไปดูไม่ได้ !!
ก่อนลงพี่กุ้งก็เตี๊ยมขั้นตอนการดำน้ำก่อนว่าจะลงไปยังไง
คราวนี้เราจะลงตามทุ่นไป ชมเรือปราบประมาณ 20 นาที จากนั้นเราก็จะดำไปที่เกาะง่ามน้อยประมาณ 30
นาที
โดยที่ความลึกสูงสุดอยู่ที่ 22 เมตร พี่กุ้งบอกว่าถ้าโชคดีเราก็จะได้เจอพี่ฉลามวาฬที่นี่แหละ
เรือหลวงปราบ741 นั้นเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดเล็ก เคยเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในการยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 15 ส.ค.-16 ก.ย. 2487 เดิมชื่อเรือ USS LCI (M) - 670 เป็นเรือที่กองทัพสหรัฐสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2487 ที่รัฐแมซซาชูเสท โดยที่ไทยได้รับมอบจากสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2489 เมื่อสงครามโลกจบลง โดยได้รับพระราชทานชื่อว่า “เรือหลวงปราบ”ปลดระวางเมื่อปีพ.ศ.2449 หลังจากได้รับใช้ชาติเกือบ 60 ปี ก่อนจะถูกนำมาวางใต้ท้องทะเลชุมพร เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2554 เพื่อเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติใต้น้ำ ที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล
เราไต่ทุ่นลงไปได้แค่
2 เมตรก็ต้องตกใจเนื่องจากน้ำใสมาก เราเห็นเรือปราบทั้งลำแบบชัดแจ๋ว
ความรู้สึกตื่นเต้นถาโถมเข้ามา แล้วเราก็หยุดอยู่ตรงนั้น แค่ช่วงไม่ถึง 5 เมตร
เราก็ลงน้ำต่อไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะทำยังไงเราก็ไม่สามารถปรับความดันที่หูข้างขวาได้ เราเห็นทุกคนลงไปหมดแล้วจนพี่กุ้งขึ้นมาตามเรา
(แถมยังถ่ายรูปอีก) แล้วพาเราลงไปอย่างช้าๆ ซึ่งเราก็ช้าแล้วแต่ไม่ได้
ไม่ได้เจ็บหูจิ๊ดเท่าตอนพัทยาแต่ก็หน่วงๆหู เราก็เลยยังไม่ได้ลงไปจนถึงตัวเรือแต่พี่กุ้งก็พาเราไปที่หอบังคับการเรือ
(จุดสูงสุดของเรือความลึกไม่น่าเกิน 8 เมตร)
แล้วก็ให้เรารออยู่ตรงนั้นเพื่อจะไปตามเพื่อนร่วมกลุ่มให้มาที่เรารออยู่ ซึ่งช่วงนั้นเราเริ่มโอเคกับหูข้างขวาเราแล้ว
ก็เลยดำน้ำทัวร์ยอดหอบังคับเรือรอ เห็นปลาหูช้างใกล้ๆ มีเม่นทะเล
มีหอยเกาะอยู่ที่หอบังคับเรือเต็มไปหมด
ขณะที่เริ่มเพลินรอคนอื่นอยู่มือเราก็ดันไปโดนเม่นทะเลตำเต็มๆที่นิ้วกลาง มีเข็มเม่นติดนิ้วมา
2 เข็ม
รู้สึกเจ็บจิ๊ดมากจนต้องถอดถุงมือออกมาดู มีเลือดไหลจู๊ดออกมาทั้ง 2 ทาง (โชว์ให้พี่กุ้งดูอีกต่างหาก)
โรสกำลังรอแจ็คอยู่ที่ยอดดอยนะคะ (มีปลาหูช้างอยู่ในฉากด้วย) พี่ใหม่ถ่ายมาให้
|
ปืนกลเท่ห์มาก
! ตอนที่จมเรือปราบ
741 ปีนกลนี้ยังใช้ได้อยู่นะจ๊ะ
|
เราเริ่มไต่ความลึกลงไปเรื่อยๆพอรู้สึกว่าเจ็บหูเราก็ไต่ระดับขึ้นมาใหม่
รู้สึกทำให้บัดดี้เสียเวลากับการชมเรือจมมากเพราะเธอมัวแต่รอเรา แล้วคิดว่าเราไม่ได้ลงมาก็เลยไม่ได้ดำน้ำชมเรือสักเท่าไร
แถมกังวลจนจำวิธีเปิดกล้องไม่ได้แทบจะไม่ได้ถ่ายรูป หูย... คุณเธอคะไม่ได้มาบ่อยๆมาทั้งที่ไม่มีรูปเรือปราบเต็มลำเลย
ตอนที่ไม่มีปัญหากับการปรับความดันในหู
เราเริ่มเป็นอิสระ การบินไปข้างๆปลาน้อยปลาใหญ่เป็นอะไรที่วิเศษมาก
โดยเฉพาะกับปลาหูช้าง เราแทบจำไม่ได้ว่าเราเคยเจอกันมั้ยแต่ว่าครั้งนี้เราเจอกันแล้วจำกันได้แม่นแล้ว
ปลาโนรีครีบยาว
|
ปลาโนรีและเม่นทะเล
(เม่นทะเล ไม่ใช่หอยเม่นทะเลนะ เม่นทะเลไม่ใช่หอย)
|
หลังจากทุกคนมารวมตัวกันครบ พี่กุ้งก็พาไปต่อเลย
มีจังหวะนึงที่เราผลักตัวเองจากหอบังคับเรือเพื่อไปข้างๆกาบเรือ
เห็นพี่กฤษเพื่อนร่วมไดฟ์ทำท่าตกใจรีบชี้ให้ดู พี่แกทำสัญลักษณ์คล้ายๆฉลามเราตกใจมากรีบตีฟินไปดู
เห็นปลาตัวใหญ่มาก 2-3 ตัวอยู่ด้านล่างข้างๆเรือ
ซึ่งเราก็อยู่ไม่ห่างจากตรงนั้น แต่ก็ไม่ใช่ปลาฉลามกลับเป็นปลาช่อนทะเลซะงั้น (เสียใจ)
ปลาช่อนทะเลโตเต็มที่ มีความยาวได้เต็มที่ถึง 2 เมตร ที่เห็นนี่ก็ราวๆ 1 เมตร
ลองมองขึ้นไปข้างบนบ้าง
ได้เห็นวิวที่เหนือจินตนาการจริงๆ ปลาหูช้างเหมือนนกกำลังบินเต็มท้องฟ้า
|
จากนั้นพวกเราก็มุ่งไปเกาะง่ามน้อย
มีโขดหินน้อยใหญ่เต็มไปหมด มีดอกไม้ทะเลเกาะตามโขดหินเยอะมาก
เราแยกปะการังไม่ค่อยออกลักษณะก็คล้ายๆกัน เท่าที่แยกได้เจอทั้งปะการังโขด
ปะการังสมอง ปะการังเขากวาง มันเยอะมากเก็บรายละเอียดได้ไม่หมดเลย ที่นี่ปลาไม่ได้เยอะเท่าที่เคยเห็นที่เกาะเต่า
ปลิงทะเล
!! หยึยมาก
|
ปลาผีเสื้อเหลืองชุมพรเหลืองส้มเด่นงามสง่าตรงหน้าส่วนแถบสีขาวนั้นเป็นมุมฉาก
|
ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง (Pink Anemonefish) ลำตัวมีสีน้ำตาลอมส้ม
มีแถบสีขาวพาดส่วนหัว (เหมือนหน้าบาก)
พบได้ที่ฝั่งอ่าวไทยเท่านั้น หน้าตาไม่แบ๊วเท่านีโม่ แต่ก็น่ารักดี |
จบไดฟ์แรกแบบงงๆรู้สึกว่ายังไม่พอ
แต่อากาศเราเหลือไม่ถึง 60 แล้ว
อากาศหมดไวมาก อาจจะเพราะช่วงแรกที่หายใจรัวๆเพราะมัวแต่ต้องเคลียร์หู ตื่นตูม
ไม่ได้ตั้งสมาธิกับการดำน้ำสักเท่าไรเลย ปกติเราจะพยายามหายใจออกให้มากกว่าหายใจเข้าเป็นจังหวะช้าๆ
แถมไดฟ์นี้ต้องเคลียร์หน้ากากบ่อยมากเพราะฝ้าขึ้นมองอะไรไม่เห็น(แล้วก็ต้องเคลียร์หู)
หลังจากขึ้นจากน้ำก็ขึ้นมาไว้อาลัยให้กับหูข้างขวาตัวเอง
เครียดต่อไปว่าไดฟ์ต่อไปจะเป็นยังไง ที่เครียดก็เพราะว่าไดฟ์แรกมันสวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถึงจะไม่ได้เจอฉลามวาฬ
แต่มันสวยมากจนรู้สึกว่าถ้าไดฟ์ต่อไปเราไม่ได้ลงมันจะเสียดายขนาดไหน นั่งซึมพักใหญ่
ก่อนจะหันไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมทริปที่ชื่อพี่กฤษ เราไปทักพี่เขาเพราะเห็นว่าเขาวิ่งเทรล (จากการใส่เสื้อผ้า)
แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แถมท่องเที่ยวมาสารพัด ก็เลยคุยกันจนครอบครัวข้างๆที่นั่งใกล้ๆกันบอกว่า “พวกคุณดูสนุกกับชีวิตมากเลยนะครับ” เราก็คิดว่าเราสนุกนะ แต่เห็นเขามาแบบครอบครัว
พ่อแม่ลูกก็แอบอิจฉากันเบาๆ
พี่กุ้งถ่ายรูปนี้ให้
!! ฮัลโหลลลลลลลล
ชาวโลก (มีเรือหลวงปราบเป็นฉากหลัง)
|
อาหารบนเรือของ
ชาวเกาะไดฟ์วิ่ง อร่อยมาก มีต้มจืดปลาหมึกยัดไส้ ไข่เจียวปู เนื้อปูเน้นๆ
แล้วก็ผัดปลาอะไรสักอย่าง ชอบที่สามารถกินน้ำโค๊กได้ไม่อั้นนี่แหละ !! เราชอบมา Fun dive แบบเต็มวัน ถึงจะลงแค่ 2 ไดฟ์แต่ก็อยากอยู่บนเรือทั้งวัน เราชอบชีวิตบนเรือมาก
ไม่ต้องลงดำน้ำก็ได้มันสนุกดี ซึ่งบนเรือชาวเกาะไดฟ์วิ่ง
ไม่ได้มีแค่กลุ่มลงดำน้ำลึก มีกลุ่ม one day trip ของดำน้ำตื้นด้วย ก็เลยมีการจอดจุดดำน้ำตื้นด้วย
เราก็เลยได้อยู่บนเรือทั้งวัน ถ้าเป็นเกาะเต่าส่วนใหญ่จะเป็นแค่ช่วงเช้า
ไม่ก็ช่วงบ่าย ไม่มีอาหารบนเรือ แค่คิดถึงบรรยากาศก็อยากลงน้ำลงเรืออีกรอบแล้ว
ไดฟ์ที่สองดอกไม้ทะเลเยอะกว่าเดิมมากๆ ตื่นเต้นกับกองดอกไม้ทะเลฐานม่วงสุดๆ อย่างที่บอกเราไม่เคยเจอดอกไม้ทะเลตอนดำน้ำลึก ฝันมาตลอดว่าอยากไปดูปลาการ์ตูนใกล้ๆ แล้วยิ่งฝันหนักก็คือการเห็นปลาการ์ตูนส้มขาวใกล้ๆ (ปลานีโม่)
พี่กฤษทำสัญลักษณ์ว่าเจอปลาวัว
มองไปด้านขวาเห็นปลาวัวแบบเดี่ยวๆไกลๆ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะกลัว เราจำหน้าเขาได้เพราะเขาสวยมากๆ
ปลาวัวเป็นอะไรที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่าเข้าไปในอาณาเขตเขา เพราะเขาจะไล่เรา
ถ้าเขาไล่ให้เราว่ายน้ำออกมาก็เท่านั้น อย่าหนีขึ้นไปข้างบนเพราะปลาวัวจะล่าแนวตั้ง
และก็เจอปลาใหญ่อีกหลายตัวที่เราไม่รู้ชื่อ … การมาดำน้ำที่ชุมพรนี้ทำให้เราเจอปลาใหญ่ที่เราไม่เคยเจอเยอะมาก แล้วเราก็ดันไม่รู้จักชื่อเลย
ปกติเราสนใจแต่ปลาผีเสื้อแล้วก็พวกทากทะเล
มาครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเราชอบปลาใหญ่เหมือนกันนะ
เหมือนโดนปลาไล่
|
กองหินเยอะมากจริงๆเลยที่นี่
|
หอยมือเสือ และ
|
ราวกับภาพวาดลงสี
|
ฟองน้ำทะเล
(Marine
sponges) ? ไม่แน่ใจ
|
เหลืองดำ
ไม่รู้ชื่อปลาจำลักษณะไม่ได้ เพิ่งเคยเจอครั้งแรก
|
หันมาเช็คความเรียบร้อยลูกทีม
|
ปะการังสมอง
!! หยึยมากๆ
|
พี่ใหม่สู้ตาย
!! บัดดี้พี่เมดำน้ำเก่งขึ้นมาก
|
ดอกไม้ทะเลฐานม่วง แบบหุบ
|
ปลากระรอกลายแดง
(จริงๆสีแดงนะ) เป็นปลาที่ตาโตมาก แล้วก็ดูเศร้าๆ
|
ดำไปเรื่อยๆมองนั่นมองนี่ จุดพีคอยู่ที่พี่กุ้งชี้ให้มองไปข้างบน ตอนนั้นคิดและว่า ฉลามวาฬเหรือปล่า ใจเต้นมากอารมณ์พุ่ง (น้ำใสขนาดนี้ไม่มีแพลงก์ตอนพี่ฉลามวาฬคงมาอะนะ) แต่สิ่งที่เราเห็นคือ เต่า จ้า !! กำลังว่ายน้ำอยู่บนกองหินเลย ตื่นเต้นมากๆเราดำน้ำมาไม่เคยเจอเต่าเลย (ปลาหมึกก็อยากเห็นแต่เคยเจอตัวเล็กๆ) มันเป็นภาพที่สวยมาก เรามองขึ้นไปน้ำทะเลที่มองจากจุดนี้มองเห็นเป็นสีเข้มเห็นกองหินดำทะมึนและเต่ากำลังว่ายน้ำอยู่ พี่กฤษจะตามไปดูแต่พี่กุ้งเรียกกลับให้ไปต่อ
พี่กุ้งพาพวกเราดำรอบกองหินแล้วไปเจอแหที่ใต้ทะเลและมีปลาติดอยู่ด้วย
พี่กุ้งวางกล้องไว้กองหินใกล้ๆแล้วลงมือตัดแหออก พวกเราก็รอพี่กุ้งกันรอบๆตรงนั้น
เราก็ตีฟินไปมาดูปลาการ์ตูน ดูกองหิน
น้ำตรงนี้แรงนิดหน่อยพยายามจะฝึกการทรงตัวก็ทำได้ยากมากๆ
ถ่ายรูปติดเต่ามา แต่คงมองไม่เห็นไกลและเต่าก็กลมกลืนกับหินมาก |
พี่ใหม่เป็นคนเดียวที่ไม่เห็นเต่าค่ะ
|
รู้สึกเป็นอิสระมากๆ
|
ดอกไม้ทะเลกระจัดกระจายมาก
|
ภาพที่เห็นจริงๆสวยกว่านี้เยอะ
!
|
ช่วงใกล้จะขึ้นเห็นดอกไม้ทะเลอยู่ไกลๆ
มีฉากหลังเป็นน้ำทะเลสีน้ำเงินแปร๊ด
ก็เลยตีฟินช้าๆหวังจะถ่ายรูปปลาการ์ตูนอินเดียนแดงใกล้ๆ ปรากฏว่าเป็นปลาการ์ตูนตัวเดียวในดอกไม้ทะเลนั้น
… ว่ายน้ำหลบหลีกไปมาในดอกไม้ทะเล กว่าจะได้รูปมานี่เหนื่อยค่ะ
เตรียมขึ้นแล้วจ้า
!
|
จบไดฟ์แบบ
เฮ้ย !! จริงดิ ไม่นะ
อากาศยังเหลือเยอะมากๆ … ไดฟ์นี้รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีจริงๆ แต่คิดว่าถ้าได้ไต่ขึ้นกองหินบ้างก็คงสนุกกว่านี้
(แต่ถ้าทำก็ลำบากเคลียร์หูอีก) พอมีเวลาจดจ่อไม่เครียดกับหูก็มองวิวใต้น้ำได้เยอะขึ้น
แต่เสียอย่างเดียวตรงหน้ากากที่เป็นฝ้า บางทีก็คิดว่าหน้ากากไม่ได้ฝ้า
แต่น้ำมันขุ่น !! (จริงๆน้ำไม่ได้ขุ่นสักหน่อย)
สนุกมากอยากกลับไปอีก เรายังไม่เคยดำน้ำที่ไหนซ้ำๆกันเลย
คิดว่าอยากลงไปดำที่เคยไปอีกครั้งเพื่อไปเก็บรายละเอียดอีก
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็นั่งตากแดดกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ
ส่วนบัดดี้ไปคุยกับพี่กุ้ง พี่กุ้งใจดีจะส่งรูปที่ถ่ายใต้ทะเลให้ ชอบมากๆ ดีใจมากที่มากับชาวเกาะไดฟ์วิ่ง
ทั้งๆที่นี่เป็นตัวเลือกที่ 2 (ตัวเลือกแรกเรือไม่ออก) อาหารอร่อย
อุปกรณ์การดำน้ำมีการดูแลเป็นอย่างดี ทำให้รู้สึกปลอดภัยมากๆ
เราชอบน้ำมากจนพ่อแม่ไม่แปลกใจที่เราจะไปเรียนดำน้ำ
ยิ่งกว่าชอบน้ำก็คือชอบทะเล
เราไม่ได้ชอบที่ไปทะเลแล้วก็เดินชมวิวหรือลงเล่นน้ำทะเลแต่ถ้ามีเพื่อนๆลงเราก็เล่น
แต่เมื่อไรที่อยู่กันกับบัดดี้การไปทะเลของเรากลายเป็นการใช้ชีวิตบนเรือซะมากกว่า … พอมานึกถึงตอนเด็กๆที่เราชอบมองเรือขนดินขนทรายผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาที่ล่องจากอยุธยามา
เรามองชีวิตของคนบนเรือแล้วเคยจินตนาการถึงตัวเองบนนั้น
พอโตมาตอนนี้จินตนาการของเราคือการใช้ชีวิตตื่นเช้ามากับทะเล
จากนั้นลงเรือเพื่อออกทริปอยู่แบบนี้ คิดซ้ำไปซ้ำมา เราคงต้องหาทางจัดการตัวเองกับเรื่องนี้
หลังจากมาส่งที่ร้านพวกเราก็หาทางกลับที่พักคิดว่าต้องรอรถสองแถวแต่พี่กฤษชวนติดรถเข้าเมืองไปด้วย
แต่สุดท้ายก็มีพี่คนนึงก็กำลังเข้าเมืองพอดีเลยได้ติดรถออกไป
ถ้าจำไม่ผิดชื่อพี่ป็อบ พี่กุ้งแนะนำไว้ว่าเป็นตัวโชคเรื่องฉลามวาฬลงน้ำทีไรฉลามวาฬมาพอดี แต่ครั้งนี้เราไม่เจอฉลามวาฬแต่ก็ไม่เป็นไร
พวกเราคุยกันบนรถเรื่องดำน้ำ พี่เขามีความสุขมากที่พูดเรื่องดำน้ำ
พวกเราพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจุดดำน้ำที่สวยที่สุดที่เคยไปคือ “เกาะห้า” ถึงเราจะดำน้ำมาไม่เยอะแต่ตอนนี้เรายกให้เกาะห้าเป็นที่
1 ในใจ (เข้าไปอ่านบันทึกดำน้ำที่เกาะห้าได้)
มื้อเย็นพวกเราเป็นอะไรที่ง่ายๆมาก คอหมูย่างข้าวเหนียวเอามากินกันบนห้อง จริงๆคือกินกันแทบไม่ไหวแล้วเหนื่อยมาก กินเสร็จก็นอนแล้วสองสามทุ่มก็ลงไปหาของกินใหม่เป็นยำวุ้นเส้นรสชาติเปรี้ยวจับใจ ที่พักพวกเราอยู่ใกล้ตลาดเดินหาของกินง่าย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นพวกหอยทอด พวกเราพยายามหลีกเลี่ยงอาหารทอด (แต่ไปกินคอหมูย่างที่มันเยอะๆ)
เช้าวันต่อมาก็พากันอยู่แต่ในห้องไม่ได้ไปไหน
ออกไปข้างนอกเฉพาะเวลาจะกินเท่านั้น พวกเราซื้อตั๋วรถไฟด่วนพิเศษกลับบ้านเป็นที่นั่งแอร์
รถไฟออก 3 ทุ่มกว่า
ถึงหัวลำโพงประมาณตี 5 ครึ่ง
… แดดแรงมากทำให้ไม่อยากออกไปไหน
เมื่อวานก็เจอแดดแรงสุดๆ จากที่ไม่ค่อยสบายอยู่แล้วทำให้ต้องซื้อยาเพิ่มเพราะไอหนักมาก
กลับบ้านมาไม่สบายกันทั้งคู่เลย
มีร้านส้มตำหน้าสถานี
ราคาอุ่นใจมากไม่แพงเลย แต่รสชาติเปรี้ยวเหลือหลาย
|
ข้าวเย็นก่อนกลับเป็นข้าวราดแกงธรรมดา
ความจริงตั้งใจจะกินติ๋มซำแต่ลงมาช้าร้านเลยปิดซะก่อน
|
พวกเราออกทริปดำน้ำนี้ตั้งแต่ก่อนเข้าช่วงสงการนต์จึงมีเวลาพักเยอะมากหลังจากดำน้ำ
ช่วงวันหยุดก็เลยหมกมุ่นกับหนังสือปลาและชื่อปลา
เราพยายามจดจำชื่อปลาที่เราได้เจอแล้วจำได้มาไล่ดูว่ามีตัวไหนชื่ออะไรบ้าง
แต่น่าเสียดายตัวที่เราจำรายละเอียดแล้วก็ไม่ได้แถมไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกก็เลยกลายเป็นว่าเรารู้จักกันผ่านๆจำชื่อไม่ได้
คิดว่าคงต้องกลับไปเก็บรายละเอียดใหม่ ครั้งนี้เราไม่ได้เจอนูดี้ (ทากทะเล)
เลยสักตัว น่าเสียดายมากๆ
พอมาดูสภาพห้องตัวเองพักนี้แล้ว
มีหนังสือเกี่ยวกับปลาทะเลกองอยู่หลายเล่มเลย แต่ยังไม่มีหนังสือเกี่ยวกับปะการังเลย
คงต้องรีบไปหาซื้อ !!
ช่วงหลังๆมานี้เริ่มมีกะแสเอนุรักษ์ทะเล(ไทย)
ขยายเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง ถ้าใครตามเฟสบุคของดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ปัจจุบันพึ่งได้รับพระราชกรุณาโปรดเกล้าให้เป็น
สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่กำลังกู้ชีพทะเลไทยอยู่ตอนนี้
จะทราบว่าทรัพยากรทางทะเลของไทยนั้นได้เสียหายจนถึงขั้นวิกฤตแล้ว ปะการังไทยเหลือแค่
23% และลดลงปีละ 1% ในหลายจุดที่เคยมีปะการังน้ำตื้นก็ไม่เหลือปะกังรังแล้วอย่างเช่นที่อ่าวปิเละ
ที่เมื่อก่อนมีปะการัง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว... กระโดดเล่นน้ำกันสนุกเลย
หลายๆคนอาจจะมองว่า
ทำไมเราต้องไปสนใจอะไรกับสาหร่ายใต้ทะเล (ปะการังไม่ใช่สาหร่าย)
แต่เราไม่รู้กันเลยว่าธรรมชาติเหล่านี้ทะเลอันสายงามของไทยเหล่านี้สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมากเท่าไร
นอกจากความสวยของทะเล ทรัพยาการใต้ทะเลนั้นก็สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมหาศาลเช่นกัน ถ้ามันไม่มีเหลือเลยล่ะ ?
ตัวเราเองยังมีโอกาสได้เห็นธรรมชาติใต้ทะเลลึกที่น้อยคนจะมีโอกาสได้เข้าไปดู
แต่เรารู้สึกเสียดายคนที่ไม่ได้ลงน้ำลึกแบบเราที่อาจจะไม่ได้เห็นสิ่งสวยความเหล่านี้ในการดำน้ำตื้น
… เราจะทำอย่างไรเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลของเราได้บ้างนะ
… แล้วอะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราสูญเสีย?
ถ้าจะทำให้คนอนุรักษ์ต้องทำให้เขารู้ก่อนว่ามันสวยขนาดไหน
ความทรงจำเมื่อวันที่ 9-11 เมษายน 2559
ชุมพร ครั้งแรก ไม่เจอฉลามวาฬ ...พี่แกมาเยือนหลังเรากลับได้ 3 วัน !!
by
Mei
0 ความคิดเห็น