เอาเงินไปละลายน้ำ อยากเจอฉลามวาฬ ลอยตัวสบายตัวสบายใจ ณ ชุมพร

มีวันหยุดหลายวัน หมายถึงวันหยุดของบัดดี้ที่โรงงานหยุดให้ตั้งแต่วันที่ 9-18 เมษายน ส่วนเราเองไม่มีวันหยุดเพราะยังไม่มีงาน ฮ่าๆ พวกเรา 2 คน...


มีวันหยุดหลายวัน หมายถึงวันหยุดของบัดดี้ที่โรงงานหยุดให้ตั้งแต่วันที่
9-18 เมษายน ส่วนเราเองไม่มีวันหยุดเพราะยังไม่มีงาน ฮ่าๆ พวกเรา 2 คนไม่รู้เลยว่าจะไปไหนในช่วงหยุดสงกรานต์ ตั้งใจว่าจะอยู่เฉยๆที่บ้านบ้าง ส่วนตัวแล้วเราอยากไปเชียงใหม่มากแต่บัดดี้บอกว่าช่วงนี้ขึ้นเขากันเยอะแล้ว จู่ๆก็บัดดี้บอกว่าลงน้ำกันบ้างดีกว่าเตรียมหาแพลนจองโรงแรมที่เกาะเต่าไว้พร้อมรอวันเดินทาง

ไม่ได้ดำน้ำมานานแล้วหลังจากครั้งสุดท้ายที่ไปที่ทะเลพัทยาแล้วไม่สามารถลงดำน้ำได้เพราะไม่สบายแล้วปรับความดันหูไม่ได้ จึงต้องโผล่ขึ้นมากลางทะเลคนเดียว เรามีชั่วโมงดำน้ำน้อยมากถ้าเทียบกับบัดดี้ เธอดำได้เยอะกว่าเรา เคยไปดำที่ญี่ปุ่น ที่บาหลีมาแล้วด้วย ปีนี้ตั้งใจว่าจะต้องดำให้ได้ 2 ครั้ง รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ดำน้ำและเป้าหมายของปีนี้จะสำเร็จ

ที่เขียนข้างบนบอกว่าไปดำน้ำที่เกาะเต่า จริงๆคือเราไปชุมพรกัน ก่อนเดินทาง  1อาทิตย์เรารีบยกเลิกการจองห้องพักที่เกาะเต่าแล้วไปชุมพรแทน เพราะไปอ่านมาว่าช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ฉลามวาฬจะเข้าแถบชุมพรบ่อย เราก็เลยรีบเปลี่ยนใจเลย เราอยากเจอปลาฉลามวาฬมากๆเคยไปตามหาที่ลันตาแต่ก็คลาดกันมาแล้ว ครั้งนี้จึงลองเสี่ยงดวงดู ถึงค่าดำน้ำจะแพงกว่าที่เกาะเต่าแต่ก็คิดว่าถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง

พวกเราจองที่พักที่ชื่อ “F@me guest house” ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟชุมพรไว้ 3 คืน เนื่องจากพวกเราเดินทางด้วยรถไฟมาถึงดึกจึงไม่อยากจองไว้ไกลและที่พักของร้านดำน้ำที่พวกเราใช้บริการก็เต็ม ก็เลยจองในเมืองดีกว่า ตอนดำน้ำค่อยนั่งรถไป ร้านดำน้ำมีชื่อว่า “Chaokoh diving “ ผู้แนะนำคือน้องต่อเอกจิต รุ่นน้องหัวฟูรุ่นน้องในคณะที่จู่ๆก็ได้มารู้จักกัน

จริงๆแล้วรู้สึกไม่ค่อยอยากไปทริปนี้สักเท่าไร อย่างว่า งานก็ยังหาไม่ได้ทั้งๆที่หามาทั้งเดือนมีนาคม รู้สึกกังวลเรื่องหางานแถมเมษายนก็ดันมีวันหยุดเยอะ แต่ถึงจะอยากหางานขนาดไหนวันหยุดก็คงไม่มีบริษัทไหนที่เราจะขอเข้าไปสัมภาษณ์ได้อยู่ดีใช่มั้ย ? แถมมีอาการแพ้ขนของพี่จิ๋วที่ช่วงนี้ดูเครียดๆขนร่วง พออยู่กับพี่จิ๋วก็เลยเจ็บคอน้ำมูกไหลหูอื้อ นี่เป็นปัญหาใหญ่เลยนะเนี่ยถ้าลงน้ำไม่ได้อีกจะทำยังไงไปถึงตั้งชุมพร (จัดยาสารพัดเตรียมไว้)


หลังจากใหม่เลิกงานในวันที่ 8 เมษายน ก็พากันดูซีรียส์เก็บเสื้อผ้าก่อนออกเดินทางไปนอนห้องเพื่อนที่กรุงเทพ พวกเราตั้งใจว่าจะไปเอาตั๋วรถไฟฟรีเพื่อเดินทางไปชุมพรตอนรอบบ่ายโมง เลยตั้งใจไปให้ถึงหัวลำโพงต้นสายตอน ตี 5 ช่วงเทศกาลคนคงหยุดเยอะถ้าไม่รีบมีหวังได้ยืนบนรถไฟไปชุมพร ทราบมาว่าคนที่มาเอาตั๋วตอน 9โมงเช้าตั๋วหมดแล้วจ้าต้องยืน ตามปกติพวกเราจะนั่งรถโดยสารไปยังไงรถก็ไม่ติด( แต่ค่าดำน้ำมันเกิบงบไปหน่อยเลยต้องมาประหยัดส่วนนี้ ถ้าไปเกาะเต่าก็เสียตกไดฟ์ละ 700 ถ้าลง 2 ไดฟ์ก็ 1,400เอง แต่ที่เราจะไปราคา 2,300บาท)
สมัครวิ่งเทรลครั้งแรกในชีวิตลองที่ 10 กิโลเมตรก่อน พี่ที่รับสมัครบอกว่าน้อยไปหรือเปล่า !
 พวกเราดูอึดขนาดนั้นเลยหรือไงเนี่ย ? หรือยังไง?
หลังจากเอาตั๋วเสร็จมีเวลาเยอะมากๆก็ไปนอนบนโต๊ะนั่งภายในหัวลำโพง ก่อนจะไปหาอะไรกินรอจนห้างเปิดเพื่อไปสมัครวิ่งเทรลสนามแรกในชีวิต ไม่ได้ชอบวิ่งมาราธอนหรอกจะ ถึงตอนเด็กๆจะเคยลง 5 กิโล 7กิโล แบบไม่เคยซ้อม แล้วก็เคยลงวิ่งระยะไกล (จำระยะไม่ได้) มาตลอดทั้งๆที่ไม่ซ้อมเหมือนกัน คือบอกได้ว่าตัวเองก็เป็นนักวิ่งอะนะ สมัยก่อนเล่นอย่างอื่นไม่เป็นพอโดนจับให้ลงกีฬาอะไรสักอย่างตอนกีฬาสีก็เลือกวิ่งนี่แหละ !! ที่อยากลงวิ่งเทรลครั้งนี้เพราะรู้สึกว่าอยากลอง เรารู้แล้วว่าเราชอบการเดินเขา เดินป่าเพราะหมือนได้หายใจจริงๆ เวลาปกติชอบหายใจไม่ออกพอได้เข้าป่า เหนื่อยหอบก็รู้สึกว่าร่างกายมันตะเกียกตะกายที่จะหายใจเอง โดยไม่ต้องพยายาม อยากรู้ว่าเราจะทำได้ขนาดไหนแถมด้วยถ้าเราลงวิ่งครั้งนี้ เราจะมีกำลังใจฝึกคาร์ดิโอ้บ้าง จะได้ผอมๆแล้วจะได้อึดๆเวลาเดินเขา ง่ายๆก็คือหาแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายนั่นแหละ


แต่
ทริปนี้เราจะลงน้ำก่อน ฮ่าๆ การวิ่งเทรลครั้งแรกของเราจัดขึ้นตั้งเดือนกรกฎาคม มีเวลาอีกเยอะ !!  เอาล่ะ พูดถึงเรื่องการเดินทาง รถไฟฟรีครั้งที่ 2 ของเราในประเทศไทย เราไม่ค่อยชอบวิธีการปล่อยตั๋วแบบนี้เลย จริงๆก็เข้าใจว่ามีผู้ที่ต้องการโดยสารเยอะจนเกินที่นั่ง แต่การที่ปล่อยซะให้มีคนยืนเต็มตู้รถไฟมันก็ดูอันตรายเกินไปหรือเปล่า อีกทั้งสำหรับคนที่ได้ที่นั่งที่อุตสาห์มารอแต่เช้าตรู่ต้องสละที่นั่งให้ผู้หญิง หรือคนชรา (ทั้งๆที่ตู้คนชราก็มีแต่เขาไม่ได้ไปขึ้น) มันก็ดูน่าสงสารทั้งสองฝ่ายจริงๆ มีพี่ผู้ชายคนนึงขึ้นต้นสายแบบเราแต่ต้องยืนถึงชุมพรเพราะสละที่นั่งให้คนอื่น (ไม่รู้พี่แกลงไหน แต่เราลงชุมพรพี่แกก็ยังอยู่)

อากาศร้อนมากโดยเฉพาะเวลารถไฟจอด คนนั่งริมหน้าต่างอย่างบัดดี้ก็ดีไป แต่พวกเราก็สลับที่นั่งกันคนละครึ่งทาง นั่งหลับๆตื่นๆกันตลอดทาง เวลาที่กำหนดถึงชุมพรคือ 21.10 . รถไฟออกตรงเวลา แต่ออกแล้วไปจอดรอเปลี่ยนนั่นนี่ต่อ ฮาๆ ครั้งนี้เราไม่เจอรถไฟเสียให้นั่งหงุดหงิดเหมือนตอนนั่งรถไฟไปเที่ยวกาญจบุรี ฟังเพลงทำอารมณ์ไปเรื่อย บางครั้งก็หยิบหนังสือเรื่อง ใต้ทะเลมีความรักของอาจารย์ธรณ์มาอ่าน

ลุงที่นั่งข้างๆจะไปสุไหงโกลก ที่นั่งแกไม่มีเบอร์ที่นั่ง แกงงว่าพวกเรามีที่นั่งได้ยังไงเพราะลุงแกมาเอาบัตรโดยสารตอน 9โมงเช้าก็หมดแล้ว เราบอกลุงว่า หนูมาเอาตอนตี 5 ค่ะ แกก็ตกใจมากว่าทำไมมาแต่เช้าแบบนี้ (ก็อย่างว่าถ้าไม่รีบมาก็ไม่ได้ที่นั่งสิคะ) แกชวนคุยถามว่าเราไปไหน ชวนแหลงใต้อีกต่างหาก พอเราบอกว่าเราจะไปเที่ยวชุมพร แกก็ถามว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่นหรอ ซึ่งเราก็ไม่ได้มีเพื่อนอยู่ที่นั่น แกก็ไม่เข้าใจว่าเราจะไปเที่ยวยังไงเพราะไม่มีคนรู้จักที่นั่น

ก๋วยเตี๋ยวแห้งก็อร่อยดีแต่ลูกชิ้นแอบมีกลิ่นเปรี้ยว


กว่าจะถึงชุมพรก็ราวๆ
4 ทุ่มครึ่ง ง่วงมากๆ พอลงจากรถไฟปุ๊บก็ปรี่ออกจากสถานีเพื่อไปที่พักเลย สำหรับเฟรมเกสเฮาสต์เฮาส์เราเคยได้มีโอกาสไปนั่งกินข้าวกินกาแฟรอขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพตอนไปเที่ยวเกาะเต่าครั้งก่อน ที่เฟรมนั้นเราเคยเข้าใจว่าเป็นเอเจนซี่ขายตั๋วรถ ตั๋วเรือเดินทางไปเที่ยวตามเกาะต่างๆในประเทศไทยคนต่างชาติจะเยอะมากๆ พึ่งรู้ว่ามีที่พักด้วยก็ตอนที่เปิดดูจาก booking ตอนหาที่พักที่ชุมพรนี่แหละ

ห้องพักเราเป็นแบบห้องพัดลมเตียงคู่ มีห้องน้ำในตัว พนักงานเช็คอินน่ารักมากๆ เราขอให้เขาช่วยหารถไปที่ร้านดำน้ำในวันพรุ่งนี้ แต่ทางเกสเฮาสต์แนะนำไปแบบถูกๆคือรถสองแถว แต่ถ้าจะเอารถก็จะไปส่งให้ในราคาขาละ 350 บาท พอเช็คอินเข้าเสร็จได้เข้าพักพวกเราก็พากันออกไปหาซื้อน้ำและซื้อโจ๊กซื้อมาม่ากินกันก่อนนอน ถ้าไม่กินนอนไม่หลับแน่ๆ


พอตอนเช้าพวกเราก็ขอให้ทางโรงแรมจัดรถรับส่งให้พวกเรา เพราะมองไม่เห็นรถสองแถวสักที กลัวจะไปถึงที่ร้านดำน้ำช้า ซึ่งทางร้านนัดไว้ 8 โมงเช้าโดยมีพี่กุ้งที่จะเป็นไดฟ์มาสเตอร์เราเป็นคนวิ่งวุ่นต้อนรับ

ถึงร้านดำน้ำก็จัดแจงเซ็นเอกสารต่างๆเกี่ยวกับการเข้าใจการรักษาความปลอดภัยตามแบบของ PADI รู้สึกตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก มีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นตรงที่ทางร้านนึกว่าพวกเราจะดำน้ำตื้นกัน ก่อนเวลาขึ้นเรือแค่ไม่กี่นาที เรารอเวลาเรือออกแต่ทางร้านก็ยังไม่พาไปจัดเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำลึก จนเราบอกพี่กุ้งพวกเราไม่มีอุปกรณ์นะ นั่นแหละพี่กุ้งต้องรีบวิ่งวุ่นพาไปเตรียมอุปกรณ์


ไดฟ์แรกของการดำน้ำที่ชุมพรนี้เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายมาก เนื่องจากการกำหนดการเดินทางก็จะขึ้นกับพี่กุ้งหัวหน้าทัวร์ดำน้ำของพวกเรา แล้ววันนี้เราเริ่มกันที่ เกาะง่ามน้อยซึ่งกลุ่มดำน้ำลึกจะเริ่มลงกันที่ เรือหลวงปราบ 741” เราไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าเราจะได้ลงดำน้ำดูเรือจมเร็วขนาดนี้ ตื่นเต้นมากอีกทั้งความกังวลเรื่องการเคลียร์หูก็ถาโถมเข้ามา เรากำลังได้ดำน้ำดูเรือจมครั้งแรกในชีวิต แต่อาจจะลงไปดูไม่ได้ !!

ก่อนลงพี่กุ้งก็เตี๊ยมขั้นตอนการดำน้ำก่อนว่าจะลงไปยังไง คราวนี้เราจะลงตามทุ่นไป ชมเรือปราบประมาณ 20 นาที จากนั้นเราก็จะดำไปที่เกาะง่ามน้อยประมาณ 30 นาที โดยที่ความลึกสูงสุดอยู่ที่ 22 เมตร พี่กุ้งบอกว่าถ้าโชคดีเราก็จะได้เจอพี่ฉลามวาฬที่นี่แหละ 


เรือหลวงปราบ
741 นั้นเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดเล็ก เคยเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในการยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 15 ส.ค.-16 ก.ย. 2487 เดิมชื่อเรือ USS LCI (M) - 670 เป็นเรือที่กองทัพสหรัฐสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2487 ที่รัฐแมซซาชูเสท โดยที่ไทยได้รับมอบจากสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2489 เมื่อสงครามโลกจบลง โดยได้รับพระราชทานชื่อว่า เรือหลวงปราบปลดระวางเมื่อปีพ.ศ.2449  หลังจากได้รับใช้ชาติเกือบ 60 ปี ก่อนจะถูกนำมาวางใต้ท้องทะเลชุมพร เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2554 เพื่อเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติใต้น้ำ ที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล

เราไต่ทุ่นลงไปได้แค่ 2 เมตรก็ต้องตกใจเนื่องจากน้ำใสมาก เราเห็นเรือปราบทั้งลำแบบชัดแจ๋ว ความรู้สึกตื่นเต้นถาโถมเข้ามา แล้วเราก็หยุดอยู่ตรงนั้น แค่ช่วงไม่ถึง 5 เมตร เราก็ลงน้ำต่อไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะทำยังไงเราก็ไม่สามารถปรับความดันที่หูข้างขวาได้ เราเห็นทุกคนลงไปหมดแล้วจนพี่กุ้งขึ้นมาตามเรา (แถมยังถ่ายรูปอีก) แล้วพาเราลงไปอย่างช้าๆ ซึ่งเราก็ช้าแล้วแต่ไม่ได้ ไม่ได้เจ็บหูจิ๊ดเท่าตอนพัทยาแต่ก็หน่วงๆหู เราก็เลยยังไม่ได้ลงไปจนถึงตัวเรือแต่พี่กุ้งก็พาเราไปที่หอบังคับการเรือ (จุดสูงสุดของเรือความลึกไม่น่าเกิน 8 เมตร) แล้วก็ให้เรารออยู่ตรงนั้นเพื่อจะไปตามเพื่อนร่วมกลุ่มให้มาที่เรารออยู่ ซึ่งช่วงนั้นเราเริ่มโอเคกับหูข้างขวาเราแล้ว ก็เลยดำน้ำทัวร์ยอดหอบังคับเรือรอ เห็นปลาหูช้างใกล้ๆ มีเม่นทะเล มีหอยเกาะอยู่ที่หอบังคับเรือเต็มไปหมด ขณะที่เริ่มเพลินรอคนอื่นอยู่มือเราก็ดันไปโดนเม่นทะเลตำเต็มๆที่นิ้วกลาง มีเข็มเม่นติดนิ้วมา 2 เข็ม รู้สึกเจ็บจิ๊ดมากจนต้องถอดถุงมือออกมาดู มีเลือดไหลจู๊ดออกมาทั้ง 2 ทาง (โชว์ให้พี่กุ้งดูอีกต่างหาก)

โรสกำลังรอแจ็คอยู่ที่ยอดดอยนะคะ (มีปลาหูช้างอยู่ในฉากด้วย) พี่ใหม่ถ่ายมาให้
ปืนกลเท่ห์มาก ! ตอนที่จมเรือปราบ 741 ปีนกลนี้ยังใช้ได้อยู่นะจ๊ะ

เราเริ่มไต่ความลึกลงไปเรื่อยๆพอรู้สึกว่าเจ็บหูเราก็ไต่ระดับขึ้นมาใหม่ รู้สึกทำให้บัดดี้เสียเวลากับการชมเรือจมมากเพราะเธอมัวแต่รอเรา แล้วคิดว่าเราไม่ได้ลงมาก็เลยไม่ได้ดำน้ำชมเรือสักเท่าไร แถมกังวลจนจำวิธีเปิดกล้องไม่ได้แทบจะไม่ได้ถ่ายรูป หูย... คุณเธอคะไม่ได้มาบ่อยๆมาทั้งที่ไม่มีรูปเรือปราบเต็มลำเลย

ตอนที่ไม่มีปัญหากับการปรับความดันในหู เราเริ่มเป็นอิสระ การบินไปข้างๆปลาน้อยปลาใหญ่เป็นอะไรที่วิเศษมาก โดยเฉพาะกับปลาหูช้าง เราแทบจำไม่ได้ว่าเราเคยเจอกันมั้ยแต่ว่าครั้งนี้เราเจอกันแล้วจำกันได้แม่นแล้ว

ปลาโนรีครีบยาว
ปลาโนรีและเม่นทะเล (เม่นทะเล ไม่ใช่หอยเม่นทะเลนะ เม่นทะเลไม่ใช่หอย)
หลังจากทุกคนมารวมตัวกันครบ พี่กุ้งก็พาไปต่อเลย มีจังหวะนึงที่เราผลักตัวเองจากหอบังคับเรือเพื่อไปข้างๆกาบเรือ เห็นพี่กฤษเพื่อนร่วมไดฟ์ทำท่าตกใจรีบชี้ให้ดู พี่แกทำสัญลักษณ์คล้ายๆฉลามเราตกใจมากรีบตีฟินไปดู เห็นปลาตัวใหญ่มาก 2-3 ตัวอยู่ด้านล่างข้างๆเรือ ซึ่งเราก็อยู่ไม่ห่างจากตรงนั้น แต่ก็ไม่ใช่ปลาฉลามกลับเป็นปลาช่อนทะเลซะงั้น (เสียใจ) ปลาช่อนทะเลโตเต็มที่ มีความยาวได้เต็มที่ถึง 2 เมตร ที่เห็นนี่ก็ราวๆ 1 เมตร

ลองมองขึ้นไปข้างบนบ้าง ได้เห็นวิวที่เหนือจินตนาการจริงๆ ปลาหูช้างเหมือนนกกำลังบินเต็มท้องฟ้า
จากนั้นพวกเราก็มุ่งไปเกาะง่ามน้อย มีโขดหินน้อยใหญ่เต็มไปหมด มีดอกไม้ทะเลเกาะตามโขดหินเยอะมาก เราแยกปะการังไม่ค่อยออกลักษณะก็คล้ายๆกัน เท่าที่แยกได้เจอทั้งปะการังโขด ปะการังสมอง ปะการังเขากวาง มันเยอะมากเก็บรายละเอียดได้ไม่หมดเลย ที่นี่ปลาไม่ได้เยอะเท่าที่เคยเห็นที่เกาะเต่า
ปลิงทะเล !! หยึยมาก
ปลาผีเสื้อเหลืองชุมพร หรือปลาผีเสื้อหน้าดำ (Weibel’s Butterflyfish) พบเฉพาะฝั่งอ่าวไทยทั้งตะวันออกและตะวันตก ส่วนใหญ่ชอบอยู่ตัวเดียวแต่ก็อาจพบเป็นคู่ในแนวปะการังที่มีความสมบูณรณ์สูงหรือไกลชายฝั่ง ไม่ค่อยอยู่ในบริเวณน้ำตื้น
ปลาผีเสื้อเหลืองชุมพรเหลืองส้มเด่นงามสง่าตรงหน้าส่วนแถบสีขาวนั้นเป็นมุมฉาก
เราสนใจแต่ปลาการ์ตูนมองหาแต่ดอกไม้ทะเล จริงๆเราไม่เคยเห็นดอกไม้ทะเลตอนดำน้ำลึกเลย เมื่อครั้งตอนไปเรียนดำน้ำที่เกาะเต่า มีดอกไม้ทะเลกับปลาการ์ตูนอยู่ ช่อ ตอนที่ครูปี่ให้สัญลักษณ์ว่าเป็นจุดที่มีดอกไม้ทะเล เรารีบตีฟินเข้าไปแต่ครูปี่ห้ามไว้เพราะดอกไม้ทะเลมีแค่ช่อเดียว ถ้าเราทำพังปลาการ์ตูนก็อยู่ไม่ได้ (ดำน้ำครั้งแรกยังเป็นเบบี้อยู่)
ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง (Pink Anemonefish) ลำตัวมีสีน้ำตาลอมส้ม มีแถบสีขาวพาดส่วนหัว (เหมือนหน้าบาก)
พบได้ที่ฝั่งอ่าวไทยเท่านั้น หน้าตาไม่แบ๊วเท่านีโม่ แต่ก็น่ารักดี
ปลาการ์ตูนกับดอกไม้ทะเลอยู่ด้วยกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน ต่างได้รับประโยชน์กันทั้งคู่ ปลาการ์ตูนนั้นเป็นพวกว่ายน้ำไม่เก่ง ล่าไม่เก่ง ดังนั้นจึงใช้ดอกไม้ทะเลไว้หลบภัย หาอาหาร สืบพันธุ์ เพราะดอกไม้ทะเลนั้นมีพิษจึงทำให้ปลาอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็มีบ้างที่มีปลาผีเสื้อปากยาวๆชอบยื่นปากเข้ามาตอดกินดอกไม้ทะเล ซึ่งดอกไม้ทะเลก็อาศัยปลาการ์ตูนช่วยขับไล่ปลาเหล่านั้นนั่นเอง ที่ปลาการ์ตูนสามารถอยู่กับพิษของดอกไม้ทะเลได้ก็เพราะว่าปลาการ์ตูนก่อนจะลงหลักปักฐานที่ดอกไม้ทะเลช่อไหนจะเอาตัวเองไปถูกับดอกไม้ทะเลเพื่อให้เมือกของดอกไม้ทะเลติดตัวไว้ ซึ่งเมือกนั้นดอกไม้ทะเลมีไว้คอยหยุดยั้งเข็มผิดไว้เพื่อไม่ให้ดอกไม้ทะเลยิงตัวเอง

ครอบครัวปลาการ์ตูนที่เราเห็น จริงๆแล้วตัวเล็กสุดที่ดูเหมือนจะเป็นลูกอาจจะไม่ใช่ลูกของครอบครัวนั้นๆ ปลาการ์ตูนนั้นเป็นปลาที่มีความซับซ้อนมาก เราจะเห็นปลาการ์ตูนคู่กับดอกไม้ทะเลเสมอ หลังจากแม่ปลาการ์ตูนวางไข่ไว้ที่ดอกไม้ทะเล ลูกปลาการ์ตูนจะเป็นตัวในถุงไข่นั้น พอถึงช่วงเวลาหนึ่งทารกปลาการ์ตูนจะล่องลอยเป็นแพลงก์ตอนจากบ้านไป(ประมาณ 7วัน) จนถึงช่วงเปลี่ยนร่างเป็นปลาการ์ตูนเต็มที่ ต้องรีบหาบ้านอยู่นั่นก็คือ ดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูนไม่สามารถอยู่ในทะเลได้ถ้าไม่มีดอกไม้ทะเล นั่นแหละ ถึงได้บอกว่าที่เห็นเป็นครอบครัว มีตัวพ่อ ตัวแม่ มีตัวลูก แต่ลูกก็มาจากครอบครัวอื่น ก็เพราะตอนเป็นแพลงก์ตอนลอยไปไหนไม่รู้อะ ลอยไปเรื่อย ไกลบ้านแม่

ปลาการ์ตูนเป็นปลาที่มีชีวิตที่น่าพิศวง จากหนังสือ ใต้ท้องทะเลมีความรัก ได้เขียนไว้ว่า ถ้าปลาการ์ตูนเพศเมียตัวที่ใหญ่สุดตาย แล้วเหลือเพศผู้อย่างเดียว ปลาการ์ตูนเพศผู้ที่ตัวใหญ่สุดจะเปลี่ยนตัวเองเป็นเพศเมีย เพื่อทำหน้าที่วางไข่ต่อไป และปลาตัวอื่นๆในกลุ่มเดียวกันจะโตขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ตัวโตตัวรองจะมาทำหน้าที่เป็นพ่อแทน ดอกไม้ทะเลบางชนิดนั้นมีอายุยืนยาวมาก มากสุดได้ถึง 300 ปี  เป็นสัตว์คุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสัตว์สงวนและสัตว์คุ้มครอง พ.. 2535 มีดอกไม้ทะเลไว้ในคุ้มครอง ซื้อขายไม่ได้จ้า

จบไดฟ์แรกแบบงงๆรู้สึกว่ายังไม่พอ แต่อากาศเราเหลือไม่ถึง 60 แล้ว อากาศหมดไวมาก อาจจะเพราะช่วงแรกที่หายใจรัวๆเพราะมัวแต่ต้องเคลียร์หู ตื่นตูม ไม่ได้ตั้งสมาธิกับการดำน้ำสักเท่าไรเลย ปกติเราจะพยายามหายใจออกให้มากกว่าหายใจเข้าเป็นจังหวะช้าๆ แถมไดฟ์นี้ต้องเคลียร์หน้ากากบ่อยมากเพราะฝ้าขึ้นมองอะไรไม่เห็น(แล้วก็ต้องเคลียร์หู)  หลังจากขึ้นจากน้ำก็ขึ้นมาไว้อาลัยให้กับหูข้างขวาตัวเอง เครียดต่อไปว่าไดฟ์ต่อไปจะเป็นยังไง ที่เครียดก็เพราะว่าไดฟ์แรกมันสวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ถึงจะไม่ได้เจอฉลามวาฬ แต่มันสวยมากจนรู้สึกว่าถ้าไดฟ์ต่อไปเราไม่ได้ลงมันจะเสียดายขนาดไหน นั่งซึมพักใหญ่ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมทริปที่ชื่อพี่กฤษ เราไปทักพี่เขาเพราะเห็นว่าเขาวิ่งเทรล (จากการใส่เสื้อผ้า) แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แถมท่องเที่ยวมาสารพัด ก็เลยคุยกันจนครอบครัวข้างๆที่นั่งใกล้ๆกันบอกว่า พวกคุณดูสนุกกับชีวิตมากเลยนะครับเราก็คิดว่าเราสนุกนะ แต่เห็นเขามาแบบครอบครัว พ่อแม่ลูกก็แอบอิจฉากันเบาๆ
พี่กุ้งถ่ายรูปนี้ให้ !! ฮัลโหลลลลลลลล ชาวโลก (มีเรือหลวงปราบเป็นฉากหลัง)
อาหารบนเรือของ ชาวเกาะไดฟ์วิ่ง อร่อยมาก มีต้มจืดปลาหมึกยัดไส้ ไข่เจียวปู เนื้อปูเน้นๆ แล้วก็ผัดปลาอะไรสักอย่าง ชอบที่สามารถกินน้ำโค๊กได้ไม่อั้นนี่แหละ !! เราชอบมา Fun dive แบบเต็มวัน ถึงจะลงแค่ 2 ไดฟ์แต่ก็อยากอยู่บนเรือทั้งวัน เราชอบชีวิตบนเรือมาก ไม่ต้องลงดำน้ำก็ได้มันสนุกดี ซึ่งบนเรือชาวเกาะไดฟ์วิ่ง ไม่ได้มีแค่กลุ่มลงดำน้ำลึก มีกลุ่ม one day trip ของดำน้ำตื้นด้วย ก็เลยมีการจอดจุดดำน้ำตื้นด้วย เราก็เลยได้อยู่บนเรือทั้งวัน ถ้าเป็นเกาะเต่าส่วนใหญ่จะเป็นแค่ช่วงเช้า ไม่ก็ช่วงบ่าย ไม่มีอาหารบนเรือ แค่คิดถึงบรรยากาศก็อยากลงน้ำลงเรืออีกรอบแล้ว
ไดฟ์ที่ 2 เจอปลาการ์ตูนก่อนเลย บางทีเราอาจจะเคยเห็นปลาการ์ตูนตามตู้ปลาที่สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่มีดอกไม้ทะเล แต่อย่างที่บอก ไม่มีปลาการ์ตูนตัวไหนอยู่ในทะเลได้ถ้าขาดดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูนที่ไม่ได้อยู่ในทะเลไม่เจอศัตรูก็ไม่จำเป็นต้องมีดอกไม้ทะเลไว้ป้องกันตัวเอง

ไดฟ์ที่สองดอกไม้ทะเลเยอะกว่าเดิมมากๆ ตื่นเต้นกับกองดอกไม้ทะเลฐานม่วงสุดๆ อย่างที่บอกเราไม่เคยเจอดอกไม้ทะเลตอนดำน้ำลึก ฝันมาตลอดว่าอยากไปดูปลาการ์ตูนใกล้ๆ แล้วยิ่งฝันหนักก็คือการเห็นปลาการ์ตูนส้มขาวใกล้ๆ (ปลานีโม่)

พี่กฤษทำสัญลักษณ์ว่าเจอปลาวัว มองไปด้านขวาเห็นปลาวัวแบบเดี่ยวๆไกลๆ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะกลัว เราจำหน้าเขาได้เพราะเขาสวยมากๆ ปลาวัวเป็นอะไรที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่าเข้าไปในอาณาเขตเขา เพราะเขาจะไล่เรา ถ้าเขาไล่ให้เราว่ายน้ำออกมาก็เท่านั้น อย่าหนีขึ้นไปข้างบนเพราะปลาวัวจะล่าแนวตั้ง และก็เจอปลาใหญ่อีกหลายตัวที่เราไม่รู้ชื่อ การมาดำน้ำที่ชุมพรนี้ทำให้เราเจอปลาใหญ่ที่เราไม่เคยเจอเยอะมาก แล้วเราก็ดันไม่รู้จักชื่อเลย ปกติเราสนใจแต่ปลาผีเสื้อแล้วก็พวกทากทะเล มาครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเราชอบปลาใหญ่เหมือนกันนะ

เหมือนโดนปลาไล่
กองหินเยอะมากจริงๆเลยที่นี่ 
หอยมือเสือ และ หนอนท่อ (tube worm) ? ไม่แน่ใจ
ราวกับภาพวาดลงสี
ฟองน้ำทะเล (Marine sponges) ? ไม่แน่ใจ
เหลืองดำ ไม่รู้ชื่อปลาจำลักษณะไม่ได้ เพิ่งเคยเจอครั้งแรก
หันมาเช็คความเรียบร้อยลูกทีม
ปะการังสมอง !! หยึยมากๆ
พี่ใหม่สู้ตาย !! บัดดี้พี่เมดำน้ำเก่งขึ้นมาก
ดอกไม้ทะเลฐานม่วง แบบหุบ
ปลากระรอกลายแดง (จริงๆสีแดงนะ) เป็นปลาที่ตาโตมาก แล้วก็ดูเศร้าๆ

ดำไปเรื่อยๆมองนั่นมองนี่ จุดพีคอยู่ที่พี่กุ้งชี้ให้มองไปข้างบน ตอนนั้นคิดและว่า ฉลามวาฬเหรือปล่า ใจเต้นมากอารมณ์พุ่ง (น้ำใสขนาดนี้ไม่มีแพลงก์ตอนพี่ฉลามวาฬคงมาอะนะ) แต่สิ่งที่เราเห็นคือ เต่า จ้า
!! กำลังว่ายน้ำอยู่บนกองหินเลย ตื่นเต้นมากๆเราดำน้ำมาไม่เคยเจอเต่าเลย (ปลาหมึกก็อยากเห็นแต่เคยเจอตัวเล็กๆ) มันเป็นภาพที่สวยมาก เรามองขึ้นไปน้ำทะเลที่มองจากจุดนี้มองเห็นเป็นสีเข้มเห็นกองหินดำทะมึนและเต่ากำลังว่ายน้ำอยู่ พี่กฤษจะตามไปดูแต่พี่กุ้งเรียกกลับให้ไปต่อ

พี่กุ้งพาพวกเราดำรอบกองหินแล้วไปเจอแหที่ใต้ทะเลและมีปลาติดอยู่ด้วย พี่กุ้งวางกล้องไว้กองหินใกล้ๆแล้วลงมือตัดแหออก พวกเราก็รอพี่กุ้งกันรอบๆตรงนั้น เราก็ตีฟินไปมาดูปลาการ์ตูน ดูกองหิน น้ำตรงนี้แรงนิดหน่อยพยายามจะฝึกการทรงตัวก็ทำได้ยากมากๆ

ถ่ายรูปติดเต่ามา แต่คงมองไม่เห็นไกลและเต่าก็กลมกลืนกับหินมาก
พี่ใหม่เป็นคนเดียวที่ไม่เห็นเต่าค่ะ 

รู้สึกเป็นอิสระมากๆ
ดอกไม้ทะเลกระจัดกระจายมาก
ภาพที่เห็นจริงๆสวยกว่านี้เยอะ !
ช่วงใกล้จะขึ้นเห็นดอกไม้ทะเลอยู่ไกลๆ มีฉากหลังเป็นน้ำทะเลสีน้ำเงินแปร๊ด ก็เลยตีฟินช้าๆหวังจะถ่ายรูปปลาการ์ตูนอินเดียนแดงใกล้ๆ ปรากฏว่าเป็นปลาการ์ตูนตัวเดียวในดอกไม้ทะเลนั้น ว่ายน้ำหลบหลีกไปมาในดอกไม้ทะเล กว่าจะได้รูปมานี่เหนื่อยค่ะ


เตรียมขึ้นแล้วจ้า !
จบไดฟ์แบบ เฮ้ย !! จริงดิ ไม่นะ อากาศยังเหลือเยอะมากๆ ไดฟ์นี้รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีจริงๆ แต่คิดว่าถ้าได้ไต่ขึ้นกองหินบ้างก็คงสนุกกว่านี้ (แต่ถ้าทำก็ลำบากเคลียร์หูอีก) พอมีเวลาจดจ่อไม่เครียดกับหูก็มองวิวใต้น้ำได้เยอะขึ้น แต่เสียอย่างเดียวตรงหน้ากากที่เป็นฝ้า บางทีก็คิดว่าหน้ากากไม่ได้ฝ้า แต่น้ำมันขุ่น !! (จริงๆน้ำไม่ได้ขุ่นสักหน่อย) สนุกมากอยากกลับไปอีก เรายังไม่เคยดำน้ำที่ไหนซ้ำๆกันเลย คิดว่าอยากลงไปดำที่เคยไปอีกครั้งเพื่อไปเก็บรายละเอียดอีก

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็นั่งตากแดดกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ ส่วนบัดดี้ไปคุยกับพี่กุ้ง พี่กุ้งใจดีจะส่งรูปที่ถ่ายใต้ทะเลให้ ชอบมากๆ  ดีใจมากที่มากับชาวเกาะไดฟ์วิ่ง ทั้งๆที่นี่เป็นตัวเลือกที่ 2 (ตัวเลือกแรกเรือไม่ออก) อาหารอร่อย อุปกรณ์การดำน้ำมีการดูแลเป็นอย่างดี ทำให้รู้สึกปลอดภัยมากๆ
ถ่ายคู่ไว้เป็นที่ระลึก ใครๆก็บอกว่าพวกเราโชคดีที่มีพี่น้องแนวเดียวกัน แต่อยากบอกว่า บางทีมันก็เบื่อนะ ฮ่า เพราะกลายเป็นว่าพวกเราไม่มีเรื่องเล่าที่ต่างกันสักเท่าไรเลย ดังนั้นเวลาใครออกทริปเดี่ยวจะรู้สึกดีมากที่ได้รู้เรื่องอื่นๆที่เราไม่ได้ไปเจอมาด้วยกัน

เราชอบน้ำมากจนพ่อแม่ไม่แปลกใจที่เราจะไปเรียนดำน้ำ ยิ่งกว่าชอบน้ำก็คือชอบทะเล เราไม่ได้ชอบที่ไปทะเลแล้วก็เดินชมวิวหรือลงเล่นน้ำทะเลแต่ถ้ามีเพื่อนๆลงเราก็เล่น แต่เมื่อไรที่อยู่กันกับบัดดี้การไปทะเลของเรากลายเป็นการใช้ชีวิตบนเรือซะมากกว่า  พอมานึกถึงตอนเด็กๆที่เราชอบมองเรือขนดินขนทรายผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาที่ล่องจากอยุธยามา เรามองชีวิตของคนบนเรือแล้วเคยจินตนาการถึงตัวเองบนนั้น พอโตมาตอนนี้จินตนาการของเราคือการใช้ชีวิตตื่นเช้ามากับทะเล จากนั้นลงเรือเพื่อออกทริปอยู่แบบนี้ คิดซ้ำไปซ้ำมา เราคงต้องหาทางจัดการตัวเองกับเรื่องนี้

หลังจากมาส่งที่ร้านพวกเราก็หาทางกลับที่พักคิดว่าต้องรอรถสองแถวแต่พี่กฤษชวนติดรถเข้าเมืองไปด้วย แต่สุดท้ายก็มีพี่คนนึงก็กำลังเข้าเมืองพอดีเลยได้ติดรถออกไป ถ้าจำไม่ผิดชื่อพี่ป็อบ พี่กุ้งแนะนำไว้ว่าเป็นตัวโชคเรื่องฉลามวาฬลงน้ำทีไรฉลามวาฬมาพอดี แต่ครั้งนี้เราไม่เจอฉลามวาฬแต่ก็ไม่เป็นไร พวกเราคุยกันบนรถเรื่องดำน้ำ พี่เขามีความสุขมากที่พูดเรื่องดำน้ำ พวกเราพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจุดดำน้ำที่สวยที่สุดที่เคยไปคือ  เกาะห้าถึงเราจะดำน้ำมาไม่เยอะแต่ตอนนี้เรายกให้เกาะห้าเป็นที่ 1 ในใจ (เข้าไปอ่านบันทึกดำน้ำที่เกาะห้าได้)

มื้อเย็นพวกเราเป็นอะไรที่ง่ายๆมาก คอหมูย่างข้าวเหนียวเอามากินกันบนห้อง จริงๆคือกินกันแทบไม่ไหวแล้วเหนื่อยมาก กินเสร็จก็นอนแล้วสองสามทุ่มก็ลงไปหาของกินใหม่เป็นยำวุ้นเส้นรสชาติเปรี้ยวจับใจ ที่พักพวกเราอยู่ใกล้ตลาดเดินหาของกินง่าย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นพวกหอยทอด พวกเราพยายามหลีกเลี่ยงอาหารทอด (แต่ไปกินคอหมูย่างที่มันเยอะๆ)



เช้าวันต่อมาก็พากันอยู่แต่ในห้องไม่ได้ไปไหน ออกไปข้างนอกเฉพาะเวลาจะกินเท่านั้น พวกเราซื้อตั๋วรถไฟด่วนพิเศษกลับบ้านเป็นที่นั่งแอร์ รถไฟออก 3 ทุ่มกว่า ถึงหัวลำโพงประมาณตี 5 ครึ่ง แดดแรงมากทำให้ไม่อยากออกไปไหน เมื่อวานก็เจอแดดแรงสุดๆ จากที่ไม่ค่อยสบายอยู่แล้วทำให้ต้องซื้อยาเพิ่มเพราะไอหนักมาก กลับบ้านมาไม่สบายกันทั้งคู่เลย
มีร้านส้มตำหน้าสถานี ราคาอุ่นใจมากไม่แพงเลย แต่รสชาติเปรี้ยวเหลือหลาย 
ข้าวเย็นก่อนกลับเป็นข้าวราดแกงธรรมดา ความจริงตั้งใจจะกินติ๋มซำแต่ลงมาช้าร้านเลยปิดซะก่อน
พวกเราออกทริปดำน้ำนี้ตั้งแต่ก่อนเข้าช่วงสงการนต์จึงมีเวลาพักเยอะมากหลังจากดำน้ำ ช่วงวันหยุดก็เลยหมกมุ่นกับหนังสือปลาและชื่อปลา เราพยายามจดจำชื่อปลาที่เราได้เจอแล้วจำได้มาไล่ดูว่ามีตัวไหนชื่ออะไรบ้าง แต่น่าเสียดายตัวที่เราจำรายละเอียดแล้วก็ไม่ได้แถมไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกก็เลยกลายเป็นว่าเรารู้จักกันผ่านๆจำชื่อไม่ได้ คิดว่าคงต้องกลับไปเก็บรายละเอียดใหม่ ครั้งนี้เราไม่ได้เจอนูดี้ (ทากทะเล) เลยสักตัว น่าเสียดายมากๆ

พอมาดูสภาพห้องตัวเองพักนี้แล้ว มีหนังสือเกี่ยวกับปลาทะเลกองอยู่หลายเล่มเลย แต่ยังไม่มีหนังสือเกี่ยวกับปะการังเลย คงต้องรีบไปหาซื้อ !!
เล่มแรกซื้อมาจากญี่ปุ่น ข้อมูลปลาเยอะมากถึง 1,000 ชนิด สีทั้งเล่มหนาปึ๊ก อีก2 เล่มหนังสือของอาจารย์ธรณ์ ใต้ทะเลมีความรักเป็นหนังสือที่เราเรื่องราวใต้ทะเลผ่านเหตุการณ์หรือเรื่องราวสมมุติต่างๆที่ทำให้อ่านแล้วเข้าใจธรรมชาติของทะเลได้มากขึ้น และเล่ม “101 ปลาทะเลไทยคู่มือปลาในแนวปะการังไทย เริ่มนี้เลอค่ามาก (คล้ายเล่มของญี่ปุ่น) เขียนถึงลักษณะปลา ชื่อพันธุ์ปลา ลักษณะเด่นรวมไปถึงเรื่องราวชีวิตของปลาแต่ละชนิดที่มีสอดแทรกตลอด
ทริปดำน้ำสนุกมากขึ้นเมือเราตัดสินใจซื้อตัวฟิลเตอร์สำหรับดำน้ำลึก จากตอนแรกที่เมื่อก่อนเอากล้องลงไปถ่าย ถ่ายอะไรก็เป็นสีเขียวสีเหลืองหมด พอมีเจ้าตัวนี้ทุกอย่างที่ถ่ายออกมาอลังการมาก (ถึงแม้จะสู้กล้องใหญ่ไม่ได้) ภาพออกมาได้เท่าที่ตาเห็นเลย นี่ยังคิดๆว่าจะหาซื้อไฟฉายลงไปส่องด้วยดีมั้ยนะ รู้สึกว่าออปชั่นเริ่มจะงอกขึ้นเรื่อยๆเลย แต่การมีกล้องเราก็ต้องดึงความสามารถมันออกมาให้หมดสิน่า

ช่วงหลังๆมานี้เริ่มมีกะแสเอนุรักษ์ทะเล(ไทย) ขยายเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง ถ้าใครตามเฟสบุคของดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ปัจจุบันพึ่งได้รับพระราชกรุณาโปรดเกล้าให้เป็น สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่กำลังกู้ชีพทะเลไทยอยู่ตอนนี้ จะทราบว่าทรัพยากรทางทะเลของไทยนั้นได้เสียหายจนถึงขั้นวิกฤตแล้ว ปะการังไทยเหลือแค่ 23% และลดลงปีละ 1%  ในหลายจุดที่เคยมีปะการังน้ำตื้นก็ไม่เหลือปะกังรังแล้วอย่างเช่นที่อ่าวปิเละ ที่เมื่อก่อนมีปะการัง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว... กระโดดเล่นน้ำกันสนุกเลย

หลายๆคนอาจจะมองว่า ทำไมเราต้องไปสนใจอะไรกับสาหร่ายใต้ทะเล (ปะการังไม่ใช่สาหร่าย) แต่เราไม่รู้กันเลยว่าธรรมชาติเหล่านี้ทะเลอันสายงามของไทยเหล่านี้สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมากเท่าไร นอกจากความสวยของทะเล ทรัพยาการใต้ทะเลนั้นก็สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมหาศาลเช่นกัน ถ้ามันไม่มีเหลือเลยล่ะ ?

ตัวเราเองยังมีโอกาสได้เห็นธรรมชาติใต้ทะเลลึกที่น้อยคนจะมีโอกาสได้เข้าไปดู แต่เรารู้สึกเสียดายคนที่ไม่ได้ลงน้ำลึกแบบเราที่อาจจะไม่ได้เห็นสิ่งสวยความเหล่านี้ในการดำน้ำตื้น เราจะทำอย่างไรเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลของเราได้บ้างนะ แล้วอะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราสูญเสีย?

ถ้าจะทำให้คนอนุรักษ์ต้องทำให้เขารู้ก่อนว่ามันสวยขนาดไหน 

ความทรงจำเมื่อวันที่ 9-11 เมษายน 2559 
ชุมพร ครั้งแรก ไม่เจอฉลามวาฬ ...พี่แกมาเยือนหลังเรากลับได้ 3 วัน !!
by Mei





You Might Also Like

0 ความคิดเห็น

Show Comments: OR

Flickr Images